xs
xsm
sm
md
lg

สินทรัพย์เสี่ยงยังรอปัจจัยบวกต่อ กูรูชี้ลงทุนทองคำยังให้ยิลด์ดีในอนาคต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นักวิเคราะห์กองทุนรวม มองสินทรัพย์เสี่ยงยังรอข่าวดีใหม่ๆต่อเนื่อง พร้อมแนะนักลงทุนชอบเล่นสั้นระวังความเสี่ยงเหตุวันหยุดมาก ปัจจัยบวกยังไม่หนุน แนะกองทุนทองคำ T-Goldbullion-H ของบลจ.น่าลงทุน

นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund Super Mart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความผิดหวังจากเศรษฐกิจยุโรป และจีนยังคงสร้างความไม่แน่นอนให้กับการลงทุนในสัปดาห์ต่อๆ ไป แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และล่าสุด PMI (Purchasing Manager Index) จีนอย่างเป็นทางการกลับมาดีกว่าที่คาดการณ์กันไว้ปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจสหรัฐ และการผลิตของจีนจะยังคงช่วยพยุงราคาสินทรัพย์เสี่ยงให้ทรงตัวในระดับสูงต่อไป แต่หากไม่มีข่าวดีใหม่ๆ เข้ามาการปรับตัวขึ้นแรงและต่อเนื่องยังเป็นไปได้ยาก และหากมีปัจจัยลบที่สร้างความตื่นตระหนกให้นักลงทุนได้ ก็น่าจะเห็นราคาสินทรัพย์เสี่ยงกลับทิศได้ไม่ยาก

โดยรวมแล้วเราเริ่มกังวลต่อภาพระยะสั้นมากขึ้นขณะที่ช่วงวันหยุดยาวของไทยมาถึงในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ ทำให้เรายังคงต้องระมัดระวังการลงทุนระยะสั้นมากขึ้น และจะเป็นการดีกว่าถ้าหากเลี่ยงการลงทุนระยะสั้นช่วงนี้ได้ ส่วนระยะยาว หลังจากลดพอร์ตการลงทุนไปแล้วเมื่อเดือนก่อน เรายังคงแนะนำให้ Wait and See ต่อไป เงินลงทุนใหม่ที่จะลงทุนระยะยาวในกองทุนรวมแนะนำให้ชะลอไว้ก่อน โดยพักเงินไว้ในกองทุนตลาดเงิน PCASH ของ บลจ.ฟิลลิป ตามเดิม

อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลดลงของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา เราเชื่อว่า เป็นจังหวะที่ดีในการเข้าสะสมสำหรับนักลงทุนที่ยังไม่ได้ลงทุนในกองทุนทองคำเลย แม้ว่าระยะสั้นอาจยังคงมีความผันผวนเนื่องจากปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำไม่ชัดเจน ทั้งเรื่อง QE3 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และวิกฤติหนี้ยุโรปที่ผ่อนคลายลงไป แต่ระยะยาวเราเชื่อว่า ราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มที่เป็นขาขึ้นในระยะยาว แนะนำทยอยสะสม กองทุนทองคำ T-Goldbullion-H ของ บลจ.ธนชาต โดยเน้นสะสมในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวลดลง ส่วนกองทุนน้ำมัน K-OIL เรายังคงแนะนำถือ ต่อไปอีกสัปดาห์ ขณะที่เราเชื่อว่าแนวโน้มราคายังคงทรงตัวในระดับเกิน 100 US$/bbl ได้จากปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตก

ทั้งนี้ความกังวลต่อภาพเศรษฐกิจโลกที่กำลังชะลอตัว โดยเฉพาะการชะลอตัวจากทางฝั่งจีน และยุโรป ทำให้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่เริ่มปรับตัวผันผวนมากขึ้น แต่ในช่วงปลายสัปดาห์ยุโรปได้รับข่าวดีจากเรื่องการเพิ่มเงินกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงิน (EFSF) และกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (ESM) อีก8 แสนล้านยูโร ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นต่อการแก้ปัญหาหนี้ยูโรโซน ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนปิดตลาดวันศุกร์ลดช่วงลบลง

โดยดัชนี DAX ของเยอรมันCAC-40 ของฝรั่งเศส และ FTSE-100 ของอังกฤษ ปิดที่ 6,946.83 (-0.70% WoW),3,423.81 (-1.51% WoW) และ 5,768.45 (-1.48% WoW) ขณะที่ทางฝั่งสหรัฐดูเหมือนว่าตัวเลขเศรษฐกิจจะยังออกมาหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่ยังดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงอีก 5,000 รายเหลือ 359,000 ราย และทำให้คาดการณ์ตัวเลขการจ้างงานในเดือน มี.ค. 55 คาดว่าจะออกมาดีตามไปด้วย นอกจากนี้การใช้จ่ายของผู้บริโภค (ก.พ.) ปรับเพิ่มขึ้น 0.8%เพิ่มขึ้นเยอะที่สุดในรอบ 7 เดือน เป็นแรงหนุนตลาดหุ้นสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงจากทางฝั่งจีน และยุโรป โดยดัชนี Dow Jones ปิดที่13,212.04 จุด (+1.00% WoW) S&P 500 ปิดที่ 1,408.47 จุด (+0.81% WoW)

นายสานุพงศ์ กล่าวต่อว่า ตลาดหุ้นเอเชียในสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวผันผวนเช่นเดียวกับตลาดหุ้นยุโรป โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนดัชนี Shanghai A-Share ดิ่งลงมาอยู่ที่ 2,370.07 (-3.70% WoW) ด้วยความกังวลว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวแรง (Hard Landing) และตลาดผิดหวังกับตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจีนที่มีกำไรลดลง ขณะที่มีข่าวแผนการเพิ่มทุนในหลายบริษัท นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบไปถึง Hang Seng Index ให้ปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน โดยปิดที่ 20,555.58 จุด (-0.55% WoW) อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นปิดที่ 10,083.56 จุด (+0.72% WoW) ตามการฟื้นตัวของบริษัทญี่ปุ่นจากแผ่นดินไหวและน้ำท่วมในไทย สำหรับตลาดหุ้นไทยเริ่มเห็นการแกว่งตัว จากปัจจัยภายนอกที่ไม่แน่นอน และใกล้ช่วงหยุดยาวของไทย ทำให้ SETI ยังแกว่งไปไหนไม่ได้ไกลโดยปิดที่1,196.77 (+0.20% WoW)

นอกจากนี้แม้ว่าความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและประเทศตะวันตกกับโครงการอาวุธนิวเคลียร์ยังคงทำให้ราคาน้ำมันรักษาระดับราคาเหนือ 100 US$/bbl. ได้ แต่ข่าวที่ว่าฝรั่งเศสอังกฤษ และสหรัฐกำลังพิจารณาปล่อยน้ำมันในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR:Strategic Petroleum Reserve) ในเร็วๆ นี้ เพื่อกดดันราคาน้ำมัน รวมถึงการลดน้ำหนักการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ ของ โกลด์แมน แซคส์ ลง ทำให้ราคาน้ำมันสัปดาห์ที่แล้วดิ่งลงมาอยู่ที่ 103.02 US$/bbl. (-3.60% WoW) ส่วนราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากความเห็นของ FED ที่ว่านโยบายการเงินแบบผ่อนคลายยังจำเป็นสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้ราคาทองคำขึ้นมาปิดที่ 1,667.90 US$/oz. (+0.37% WoW)
กำลังโหลดความคิดเห็น