xs
xsm
sm
md
lg

กูรูแนะเก็งกำไรกองIndexFunds หนี้ยุโรปคลี่คลาย-ศก.สหรัฐฯดีขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โบรกเกอร์กองทุนรวม แนะนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้เข้าเก็งกำไรกองทุน IndexFunds หลังปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ยุโรปมีแผนกู้วิกฤติหนี้มีความหวังมากขึ้น พร้อมชูกองทุนASP-SP500 หรือ ASP-HSI ของ บลจ. Asset Plus และกองทุนน้ำมันอย่าง K-OIL ของ K-Asset และ ASP-OIL ของ Asset Plus น่าลงทุน

นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สัปดาห์ที่แล้วเราได้ปรับคำแนะนำระยะสั้นเป็น เก็งกำไรในกองทุน Index Funds อย่างเช่น ASP-SP500 หรือ ASP-HSI ของ บลจ. Asset Plus หรือกองทุนน้ำมันอย่าง K-OIL ของ K-Asset และ ASP-OIL ของ Asset Plus ซึ่งสถานการณ์แผนกู้วิกฤตหนี้ในยุโรปเริ่มมีความหวังมากขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐเองมีโอกาสกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยน้อยลงเป็นตัวผลักดันความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าอาจเห็นการขายทำกำไรบ้างระหว่างทางหลังขึ้นมาแรงและรวดเร็ว แต่เรายังคงเชื่อว่าแนวโน้มตลาดสินทรัพย์เสี่ยงพอมีลุ้นปรับขึ้นต่อได้อีก เราจึงยังคงคำแนะนำ เก็งกำไร ต่อไป กองทุนแนะนำสำหรับสัปดาห์นี้ยังเป็น Index Funds อย่าง ASP-SP500ของ บลจ. Asset Plus โดย S&P 500 มีแนวต้านที่ 1,300 - 1,360 จุด ขณะที่กองทุน ASP-HSI ของ บลจ. Asset Plus แนวต้านสำหรับการเก็งกำไร 21,000 - 21,500 และกองทุนน้ำมัน K-OIL และ ASP-OIL แนวต้าน 100 US$/bbl.

ทั้งนี้เรายังคงต้องเน้นย้ำให้ระมัดระวังการเก็งกำไรในรอบนี้ เนื่องจากความผันผวนยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ประกอบกับราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้ปรับตัวขึ้นมาบ้างแล้วส่วนการลงทุนระยะยาวแนะนำให้ “Wait and see” ต่อไป โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย SETI แม้ว่าจะได้ปัจจัยภายนอกหนุนดัชนีปรับขึ้นแรงในสัปดาห์ก่อน แต่สถานการณ์น้ำท่วมยังไม่น่าไว้ใจ การลงทุน LTF จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเรายังคงเน้นให้ลงทุนเมื่อ SETIปรับลดลงแรง แนวรับที่ 850 จุด โดยกองทุนที่เราแนะนำยังคงเป็น KFLTFDIV ของ บลจ. กรุงศรี ตามเดิม สำหรับนักลงทุนที่ได้สับเปลี่ยน LTF ไปยัง Defensive LTF อย่าง KSDLTF (K-Strategic Defensive LTF) ตามที่ได้แนะนำไปก่อนหน้า เรายังแนะนำเหมือนเดิมคือไม่เห็นการเปลี่ยนแนวโน้มของ SETI เป็นขาขึ้นที่ชัดเจน ให้ถือกองทุน KSDLTF ต่อไป

โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น ดัชนี DJIA ของสหรัฐ ปิด12,231.11 จุด (+3.58% WoW) เช่นเดียวกับทางฝั่งยุโรป ดัชนี DAX ของเยอรมัน, CAC-40 ของฝรั่งเศส และ FTSE-100 ของอังกฤษปิดที่ 6,346.19 (+6.28% WoW), 3,348.63(+5.59% WoW) และ 5,702.24 (+3.89% WoW) นักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหลังผู้นำยุโรปได้ข้อตกลงในการเพิ่มประสิทธิภาพกองทุนช่วยเหลือฯ (EFSF) ขึ้น 4-5เท่า สู่ระดับ 1 ล้านล้านยูโร และการปรับลดมูลค่าพันธบัตรกรีซลง 50% ลดภาระหนี้ได้ถึง 1 แสนล้านยูโร

นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เองก็ยังคงออกมาดีขึ้นต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการจ้างงาน การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค และตัวเลขตลาดบ้าน ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในไตรมาส 3 ฟื้นตัวขึ้น (เติบโต 2.5% จากไตรมาส2 ที่โตขึ้น 1.3%) และภาคเอกชนของสหรัฐก็ยังแข็งแกร่งด้วยผลประกอบการไตรมาส 3ของบริษัทที่อยู่ใน S&P 500 มี 72% ของที่ประกาศแล้ว รายงานผลประกอบการออกมาดีกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามระยะสั้นคงยังได้เห็นการเก็งกำไรข่าวดีต่อเนื่องแต่ความเสี่ยงปัญหาหนี้ยุโรป และการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรป และสหรัฐ คาดว่าจะออกมารบกวนบรรยากาศการลงทุนอยู่เรื่อยๆ การลงทุนจึงยังคงต้องระมัดระวัง และต้องจับตาสถานการณ์ของประเทศตะวันตกต่อไปอย่างใกล้ชิด

ส่วนปัจจัยลบจากทางฝั่งตะวันตกเริ่มจางหายไป พร้อมกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่กลับมาอย่างรวดเร็ว เมื่อปัญหาหนี้เริ่มมีแนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจนขึ้น ผลักดันตลาดหุ้นในเอเชียพุ่งขึ้นในหลายๆ ตลาดโดยเฉพาะ Hang Seng ที่ปิดเพิ่มขึ้นถึง 11.06% WoW ปิดที่ 20,019.24 จุด กลับขึ้นมายืนเหนือ 20,000 จุดได้อีกครั้ง ขณะที่เงินเฟ้อจีนเริ่มชะลอตัว จึงมีคาดหมายการผ่อนคลายมาตรการต่างที่ออกมาก่อนหน้าลง ดัชนี Shanghai AShareปิด 2,590.57 จุด (+6.73% WoW) ส่วนดัชนี Nikkei ปิด 9,050.47 จุด (+4.28%WoW) ในส่วนของตลาดหุ้นไทยแม้ว่าปัญหาน้ำท่วมยังคงกดดัน แต่ปัจจัยต่างประเทศหนุน SET ปิดวันศุกร์ที่ผ่าน 973.18 จุด ปรับตัวขึ้น +6.20% WoW
กำลังโหลดความคิดเห็น