ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.แอสเซทพลัส มองศก.โลกยังผันผวน จากปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรป ส่วนราคาแม้ปรับฐาน แต่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ คาดจะกลับไปอยู่ที่ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้อีกครั้ง
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซทพลัส รายงานภาพรวมการลงทุนในช่วงสั้นว่า ในส่วนของตลาดต่างประเทศ แอสเซทพลัสมองว่ายังคงมีความผันผวนจากปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรป รวมทั้งสงครามในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ในขณะที่ กลุ่มประเทศในเอเชีย มีการทยอยประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการขยายตัวในอัตราที่ลดลง และยังคงมีปัญหาเงินเฟ้อในระดับสูง ทั้งนี้คาดว่า ดัชนี S&P500 จะเคลื่อนไหวในกรอบ1,120-1,200 จุด และ ดัชนี HSI น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 19,500-20,500 จุดภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า
ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย คาดว่าในสัปดาห์นี้ SET Index น่าจะปรับตัวลดลงภายหลังจากการแถลงนโยบายของรัฐบาล ที่ยังไม่มีความชัดเจนในการนำนโยบายหาเสียงเพื่อไปปฏิบัติจริง และตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ของไทย แสดงอัตราการเติบโตที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้อันเนื่องมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่า SET Index ในสองสัปดาห์ข้างหน้า น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,020-1,070 จุด
ในขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ บลจ. แอสเซทพลัส มองว่า ปัญหาการเมืองของประเทศลิเบีย ยังคงคุกรุ่นอย่างต่อเนื่องเนื่องจาก Muammar Gaddafi ยังสามารถหลบหนีการจับกุมของกลุ่มผู้ต่อต้านภายในประเทศได้ ทำให้ราคาน้ำมันมีความผันผวน อยู่ในช่วง 80-85 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในขณะที่ เศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรปมีอัตราการขยายตัวในระดับต่ำ
ดังนั้น จึงคาดว่า ราคาน้ำมันดิบ ใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า จะอยู่ในช่วง 85-90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ผู้นำทางการเมืองของประเทศลิเบีย และมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เกิดจากพายุเฮอริเคน Irene
ส่วนราคาทองคำนั้น เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา ราคาทองคำอยู่ในระดับสูงสุดอีกครั้งที่ระดับ 1,911 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ก่อนที่มีแรงเทขายทำกำไร ทำให้ราคาปรับตัวลดลงอยู่ที่ 1,702 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยความผันผวนดังกล่าว เกิดจากการคาดการณ์ของตลาด ที่มีต่อมาตรการ QE3
อย่างไรก็ตาม คาดว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายใน 2 สัปดาห์ ราคาน่าจะกลับไปอยู่ที่ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ได้อีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ เนื่องจาก การอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก โดยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,750-1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซทพลัส รายงานภาพรวมการลงทุนในช่วงสั้นว่า ในส่วนของตลาดต่างประเทศ แอสเซทพลัสมองว่ายังคงมีความผันผวนจากปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรป รวมทั้งสงครามในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ในขณะที่ กลุ่มประเทศในเอเชีย มีการทยอยประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการขยายตัวในอัตราที่ลดลง และยังคงมีปัญหาเงินเฟ้อในระดับสูง ทั้งนี้คาดว่า ดัชนี S&P500 จะเคลื่อนไหวในกรอบ1,120-1,200 จุด และ ดัชนี HSI น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 19,500-20,500 จุดภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า
ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย คาดว่าในสัปดาห์นี้ SET Index น่าจะปรับตัวลดลงภายหลังจากการแถลงนโยบายของรัฐบาล ที่ยังไม่มีความชัดเจนในการนำนโยบายหาเสียงเพื่อไปปฏิบัติจริง และตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ของไทย แสดงอัตราการเติบโตที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้อันเนื่องมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่า SET Index ในสองสัปดาห์ข้างหน้า น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,020-1,070 จุด
ในขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ บลจ. แอสเซทพลัส มองว่า ปัญหาการเมืองของประเทศลิเบีย ยังคงคุกรุ่นอย่างต่อเนื่องเนื่องจาก Muammar Gaddafi ยังสามารถหลบหนีการจับกุมของกลุ่มผู้ต่อต้านภายในประเทศได้ ทำให้ราคาน้ำมันมีความผันผวน อยู่ในช่วง 80-85 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในขณะที่ เศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรปมีอัตราการขยายตัวในระดับต่ำ
ดังนั้น จึงคาดว่า ราคาน้ำมันดิบ ใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า จะอยู่ในช่วง 85-90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ผู้นำทางการเมืองของประเทศลิเบีย และมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เกิดจากพายุเฮอริเคน Irene
ส่วนราคาทองคำนั้น เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา ราคาทองคำอยู่ในระดับสูงสุดอีกครั้งที่ระดับ 1,911 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ก่อนที่มีแรงเทขายทำกำไร ทำให้ราคาปรับตัวลดลงอยู่ที่ 1,702 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยความผันผวนดังกล่าว เกิดจากการคาดการณ์ของตลาด ที่มีต่อมาตรการ QE3
อย่างไรก็ตาม คาดว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายใน 2 สัปดาห์ ราคาน่าจะกลับไปอยู่ที่ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ได้อีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ เนื่องจาก การอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก โดยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,750-1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์