บลจ.ฟิลลิป มองเศรษฐกิจโลกฟื้นยากหลังเศษฐกิจ สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ยังย่ำแย่ พร้อมแนะลงทุนพันธบัตรรัฐบาล และทองคำหนีความผันผวน คาดราคาทองคำมีสิทธิ์วิ่งไปถึง 2,200 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
นายวรรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่ บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟิลลิป จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง1-2 ปีที่ผ่านมานั้น เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯตั้งแต่วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ และปัญหาซับไพร์ม ขณะเดียวกันก็มีปัญหาหนี้เสียของยุโรป รวมถึงวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น นอกจากนี้การที่รัฐบาลทั่วโลกพิมพ์เงินออกมาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงความต้องการทองคำของธนาคารกลางของแต่ละประเทศที่ประเมินว่าค่าเงินไม่มีค่า ก็เป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตามเราประเมินนักลงทุนส่วนใหญ่หันมาลงทุนในทองคำเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลตอบแทนจากทองคำยังช่วยชดเชยอำนาจเงินที่มีค่าน้อยลงอันเนื่องมาจากภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น โดยเรามองว่าราคาทองจะเพิ่มสูงขึ้นหลังจากนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังไม่ฟื้นตัว แม้ว่าทางรัฐบาลหรือธนาคารกลางสหรัฐฯจะมีมาตรการเยียวยาหรืออก QE 3 ก็เชื่อว่าจะไม่ช่วยพยุงเศรษฐกิจสหรัฐฯได้ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานถึงจะฟื้นตัวได้
"เรามองว่าราคาทองคำจะวิ่งขึ้นไปถึง 2,200 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ โดยเรามองว่าราคาทองคำจะปรับตัวลดลงก็ต่อเมื่อค่าเงินสหรัฐฯกลับมาแข็งค่า หรือภาวะเศรษฐกิจโกลฟื้นตัวอย่างแท้จริงซึ่งอาจจะใช้เวลาในการฟื้นตัวอย่างน้อย 5 ปี "นายวรรธนะ กล่าว
นอกจากนี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) นั้นจะยับยั้งอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นอยู่ในขณะนี้ได้น้อย โดยส่วนตัวเชื่อว่าการรักษาวินัยทางการคลังจะเป็นตัวช่วยให้เงินเฟ้อปรับลดลงได้ ส่วนดัชนีตลาดหุ้นไทยต่อจากนี้ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,100 จุด อาจจะมีผันผวนบ้างเล็กน้อยจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นโลก ซึ่งหากดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นก็จะมีแรงเทขายทำกำไรออกมาเป็นระยะ
นายวรรธนะ กล่าวต่อว่า การลงทุนที่เหมาะสมในช่วงเวลานี้ คือ การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และการลงทุนในทองคำ ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยบลจ.จะเปิดขายกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมอีก 1 กองทุน โดยกองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันเต็มจำนวนจากรัฐบาล นอกจากนี้บลจ.ยังมีกองทุนเปิด ฟิลลิป ทองคำ ซึ่งผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 34.29% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR รวมถึงโกลด์ฟิวเจอร์ที่ฮ่องกง เพื่อเป็นทางเลือกการลงทุนให้กับนักลงทุนอีกด้วย
ก่อนหน้านี้นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงยังคงต้องจับตาการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในระหว่างสัปดาห์และความคืบหน้าการแก้ปัญหาหนี้ในยุโรป ทำให้เราคาดว่าตลาดสินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสผันผวนต่อไปจนกว่าจะเห็นทิศทางที่ชัดเจน ทำให้ราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นทำ New High ใหม่ต่อเนื่อง ภายใต้ความกลัวต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ซึ่งแนวโน้มยังคงเป็นขาขึ้นต่อไป
โดยราคาทองคำ ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ที่เเข็งเเกร่งที่สุดในตอนนี้เเละยังคงเดินหน้าทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ตราบเท่าที่ความกังวลยังไม่หายไป ราคาน้ำมันก็จะยังถูกกดดัน ขณะที่ทองคำก็มีแนวโน้มขาขึ้นต่อไป แต่อาจเห็นแรงทำกำไรสลับบ้าง อย่างไรก็ตามแม้ระยะสั้นอาจเห็นการปรับตัวขึ้นต่อได้แต่มีโอกาสปรับตัวลงแรงได้ทุกเมื่อ เราจึงปรับคำแนะนำเป็น Wait and See และกลับเข้าสะสมกองทุนทองคำอีกครั้งหลังเห็นการปรับตัวลงของราคาทองคำกองทุน