บลจ.ฟิลลิป เผยปัจจุบันมี AUM อยู่ที่ 600 ล้าน ตั้งเป้าโต 1,000 ล้านภายในปี 2555 มั่นใจเพิ่มอีก 400 ล้านได้สำเร็จ ชูแผนการตลาดด้วยผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง พร้อมขายกองทุนผ่านเซลลิ่งเอเจนท์ เป็นหลัก
นายวรรธนะ วงศ์สีนีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟิลลิป จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของบลจ.เรามีการเติบโตและเป็นที่หน้าพอใจ ทั้งนี้สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ของบลจ.อยู่ที่ 600 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2553 โดยในปี 2555 บลจ.ตั้งเป้าว่าจะมี AUM เติบโตที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้เราจะเน้นขายกองทุนผ่านเซลลิ่งเอเจนท์ เป็นหลัก โดยจะเราชูผลการดำเนินงานของกองทุนเป็นจุดขาย พร้อมกับออกโปรโมชั่นเพิ่มจุดขายอีกด้วย อย่างไรก็ตามเรายังไม่มีแผนเปิดขายกองทุนใหม่ ส่วนกองทุนประเภทเทอมฟันด์ที่ลงทุนในตราสารหนี้นั้นทางบลจ.มองว่าผลตอบแทนที่ได้นั้นเทียบเท่ากับการฝากเงินทำให้ความน่าสนใจในแง่ผลตอบแทนไม่ค่อยจูงใจนักลงทุน
นายวรรธนะ กล่าวต่อว่า เรามองว่าการลงทุนในทองคำยังอยู่ในช่วงขาขึ้น เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงของสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่หันมาลงทุนในทองคำเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งผลตอบแทนจากทองคำยังช่วยชดเชยอำนาจเงินที่มีค่าน้อยลงอันเนื่องมาจากภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น โดยเรามองว่าราคาทองจะเพิ่มสูงขึ้นหลังจากนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังไม่ฟื้นตัว แม้ว่าทางรัฐบาลหรือธนาคารกลางสหรัฐฯจะมีมาตรการเยียวยาหรืออก QE 3 ก็เชื่อว่าจะไม่ช่วยพยุงเศรษฐกิจสหรัฐฯได้ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานถึงจะฟื้นตัวได้
นอกจากนี้ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกจะยังคงติดลบต่อ แม้ว่าตลาดเกิดใหม่และเอชียจะมีการเติบโต แต่ก็ไม่สามารถทำให้ภาพรวมของโลกเติบโตได้ เนื่องจากกลุ่มประเทศพัมฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ยังไม่ฟื้นตัว ส่วนดัชนีตลาดหุ้นไทยต่อจากนี้ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,100 จุด ซึ่งอาจจะมีผันผวนบ้างเล็กน้อย
สำหรับกองทุนที่มีผลงานโดดเด่นคือ กองทุนเปิด ฟิลลิป ทองคำ ซึ่งผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 34.29% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR รวมถึงโกลด์ฟิวเจอร์ที่ฮ่องกงอีกด้วย ส่วนกองทุนเปิดฟิลลิปผสมเพื่อการเลี้ยงชีพ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 26.87% ซึ่งกองทุนดังกล่าวลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ภาครัฐ และทองคำบางส่วน โดยฝ่ายการลงทุนสามารถปรับพอร์ตการลงทุนให้เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันได้อย่างเหมาะสม
ขณะที่กองทุนเปิด ฟิลลิป หุ้นระยะยาว มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 25.30% ต่อปี ซึ่งกองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในหุ้น SET 50 ทั้งนี้เรามองว่าเศรษฐกิจ น่าจะยังขยายตัวได้อีก เนื่องจากนักลงทุนมีการโยกย้ายเงินทุนจากสหรัฐฯ และยุโรป เข้ามาลงทุนในเอเชียรวมถึงประเทศไทยมากขึ้น และกองทุนเปิดฟิลลิปบริหารเงิน มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.44% ซึ่งกองทุนเน้นลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐบาล และเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ซึ่งกองทุนนี้มีผลดำเนินงานอยุ่ในระดับต้นๆเมื่อเทียบกับกองทุนประเภทเดียวกัน
ส่วนเซลลิ่งเอเจนท์ ที่สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนของบริษัททั้ง 10 แห่งคือ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด บล.ซิกโก้ จำกัด (มหาชน) บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บล.คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บล. ธนชาต จำกัด (มหาชน)