บลจ.ไทยพาณิชย์ จ่ายปันผล 3 กองทุนอสังหาฯ โชว์ "ไพรม์ออฟฟิศ"เด่นสุด ทั้งปี ผู้ถือหน่วยรับ 9.7 % "โชติกา" แนะพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ ยังเป็นทางเลือกลงทุนระยะยาว มั่นใจศักยภาพ 3 กองทุนในพอร์ต ด้านเอเชียพลัส ชู "CPN รีเทล โกรท" ยังไปต่อ หลังพ้นวิกฤตน้ำท่วม คาดทั้งปี 55 จ่ายผลตอบแทนสุทธิ 8.3%
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารของบริษัทฯ พร้อมกัน 3 กองทุนในรอบผลการดำเนินระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2554 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ประกอบด้วย กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท หรือ CPN Retail Growth Leasehold Property Fund (CPNRF) ปิดสมุดทะเบียนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 24 ก.พ.โดยจะจ่ายในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 7.6% ต่อปี ณ ราคาตลาด 13.20 บาทต่อหน่วย มีกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 13 มี.ค.55
นอกจากนี้ ยังมีกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพรม์ออฟฟิศ หรือ Prime Office Leasehold Property Fund (POPF) ในอัตรา 0.2413 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 9.7 % ต่อปี ณ ราคาตลาด 10 บาทต่อหน่วย มีกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 12 มี.ค.55 และ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ หรือ Quality Houses Leasehold Property Fund (QHPF) ในอัตรา 0.1863 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 8.80% ต่อปี ณ ราคาตลาด 8.50 บาทต่อหน่วย กำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 14 มี.ค.55 โดยจะปิดสมุดทะเบียนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลพร้อมกันในวันที่ 23 ก.พ.ศกนี้ คิดเป็นมูลค่าเงินปันผลทั้ง 3 กองทุนรวมทั้งสิ้น 640 ล้านบาท
"ผลการดำเนินการของกองทุนรวมอสังหาฯ ทั้ง 3 กองทุนว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีถึงแม้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 54 จะเกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นบริเวณกว้าง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับกองทุนอย่างมีนัยสำคัญ" นางโชติกากล่าว
สำหรับการลงทุนของทั้ง 3 กองทุนนั้น ในส่วนกองทุน POPF มีการลงทุนในอาคารสำนักงาน 2 แห่ง คือ อาคาร UBC II และเพลินจิตเซ็นเตอร์ ส่วนกองทุน QHPF จะลงทุนในอาคารสำนักงานรวมร้านค้า 3 แห่ง คือ อาคาร Q House เพลินจิต, อาคาร Q House ลุมพินี และ อาคารเวฟเพลส ถนนวิทยุ ซึ่งสินทรัพย์ของทั้งสองกองทุนตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพมหานคร ส่วนกองทุน CPNRF มีการลงทุนในศูนย์การค้า 3 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัลพระราม 3, เซ็นทรัล พระราม 2 และ อีก 1 แห่งที่ปิดให้บริการจากสภาวะน้ำท่วมในระยะสั้นคือ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ซึ่งไม่มีผลกระทบต่ออัตราการเช่าของพื้นที่ แต่อาจกระทบบ้างต่อค่าเช่าเนื่องจากได้มีการยกเว้นค่าเช่าให้กับผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตาม ภาพโดยรวมทั้งปีรายได้จากการลงทุนสุทธิยังโตกว่า ปี 2553 ซึ่งมีอยู่ที่ 1,790 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นประมาณ 2.4%
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงแนะนำการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของบลจ.ไทยพาณิชย์ทั้ง 3 กองทุน ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะยาว เพราะถึงแม้จะมีปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจหรือภัยธรรมชาติบ้าง แต่ด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งและการบริหารจัดการโดยมืออาชีพ ทำให้มีความแข็งแกร่งและมีโอกาสในการเติบโตจากการเพิ่มสินทรัพย์ใหม่เข้ามาในกองทุนในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีผลการดำเนินงานที่มั่นคงและมีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอทุกๆไตรมาสในอัตราผลตอบแทนประมาณ 7-10% ต่อปี ซึ่งสามารถช่วยในเรื่องการกระจายความเสี่ยงด้านผลตอบแทนเมื่อเทียบกับหุ้นซึ่งมีความผันผวนสูง และพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนน้อยกว่าทำให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีท่ามกลางสภาวะอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ระดับสูง
ด้านรายงานข่าวจากฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชียพลัส จำกัด ระบุว่า ผลการดำเนินงานของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท งวดไตรมาสที่1/55 คาดว่ากองทุนจะเติบโตมากขึ้น เนื่องจากทุกโครงการกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ ทำให้การเก็บค่าเช่าสามารถทำได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งจะสามารถปรับขึ้นค่าเช่าเพิ่มเฉลี่ยอย่างน้อย 5% ต่อปี จากผู้เช่าเก่าที่หมดสัญญา โดยมีสัดส่วน 33% ของพื้นที่ให้เช่าทั้งหมดจะหมดสัญญาภายในปี 2555 และคาดจะต่อสัญญาใหม่เกือบหมด ขณะที่อัตราการเช่าเฉลี่ยของทุกศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานก็ยังคงยืนระดับสูง 95% อย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นคาดงวดไตรมาสที่ 1/55 จะมีรายได้จากการลงทุนสุทธิอย่างน้อย 450 ล้านบาท
ขณะที่ทั้งปี 2555 ฝ่ายวิจัยบล.เอเชียพลัส ประเมินรายได้จากการลงทุนสุทธิ 1,885.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4% yoy โดยในประมาณการยังไม่ได้รวมแผนการซื้อสินทรัพย์ใหม่ และ เงินประกันภัยชดเชยกรณีธุรกิจหยุดชะงักในกรณีสินทรัพย์ไม่เสียหายในวงเงินสูงสุด 10 ล้านบาท/ศูนย์การค้าสำหรับโครงการปิ่นเกล้าแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม กองทุน CPNRF ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/54 หน่วยละ 0.25 บาท โดยทั้งปี 2554 คิดเป็นเงินปันผลรวม 1.023 บาท/หน่วย เทียบเท่า Div Yield 7.75% ต่อปี และคาดจะเพิ่มเป็น 8.3% ในปี 2555 ดังนั้น จากอัตราเงินปันผลสูงจูงใจต่อเนื่อง และมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นจากการเพิ่มสินทรัพย์ ผ่านการซื้อสิทธิการเช่าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่จาก CPN ผ่านการเพิ่มทุนและกู้ยืม(Leverage) ซึ่งคาดจะเกิดขึ้นอย่างเร็วในไตรมาส 2/55 จึงคงแนะนำถือ รับเงินปันผลเป็นหลัก
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารของบริษัทฯ พร้อมกัน 3 กองทุนในรอบผลการดำเนินระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2554 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ประกอบด้วย กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท หรือ CPN Retail Growth Leasehold Property Fund (CPNRF) ปิดสมุดทะเบียนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 24 ก.พ.โดยจะจ่ายในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 7.6% ต่อปี ณ ราคาตลาด 13.20 บาทต่อหน่วย มีกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 13 มี.ค.55
นอกจากนี้ ยังมีกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพรม์ออฟฟิศ หรือ Prime Office Leasehold Property Fund (POPF) ในอัตรา 0.2413 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 9.7 % ต่อปี ณ ราคาตลาด 10 บาทต่อหน่วย มีกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 12 มี.ค.55 และ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ หรือ Quality Houses Leasehold Property Fund (QHPF) ในอัตรา 0.1863 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 8.80% ต่อปี ณ ราคาตลาด 8.50 บาทต่อหน่วย กำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 14 มี.ค.55 โดยจะปิดสมุดทะเบียนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลพร้อมกันในวันที่ 23 ก.พ.ศกนี้ คิดเป็นมูลค่าเงินปันผลทั้ง 3 กองทุนรวมทั้งสิ้น 640 ล้านบาท
"ผลการดำเนินการของกองทุนรวมอสังหาฯ ทั้ง 3 กองทุนว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีถึงแม้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 54 จะเกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นบริเวณกว้าง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับกองทุนอย่างมีนัยสำคัญ" นางโชติกากล่าว
สำหรับการลงทุนของทั้ง 3 กองทุนนั้น ในส่วนกองทุน POPF มีการลงทุนในอาคารสำนักงาน 2 แห่ง คือ อาคาร UBC II และเพลินจิตเซ็นเตอร์ ส่วนกองทุน QHPF จะลงทุนในอาคารสำนักงานรวมร้านค้า 3 แห่ง คือ อาคาร Q House เพลินจิต, อาคาร Q House ลุมพินี และ อาคารเวฟเพลส ถนนวิทยุ ซึ่งสินทรัพย์ของทั้งสองกองทุนตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพมหานคร ส่วนกองทุน CPNRF มีการลงทุนในศูนย์การค้า 3 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัลพระราม 3, เซ็นทรัล พระราม 2 และ อีก 1 แห่งที่ปิดให้บริการจากสภาวะน้ำท่วมในระยะสั้นคือ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ซึ่งไม่มีผลกระทบต่ออัตราการเช่าของพื้นที่ แต่อาจกระทบบ้างต่อค่าเช่าเนื่องจากได้มีการยกเว้นค่าเช่าให้กับผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตาม ภาพโดยรวมทั้งปีรายได้จากการลงทุนสุทธิยังโตกว่า ปี 2553 ซึ่งมีอยู่ที่ 1,790 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นประมาณ 2.4%
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงแนะนำการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของบลจ.ไทยพาณิชย์ทั้ง 3 กองทุน ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะยาว เพราะถึงแม้จะมีปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจหรือภัยธรรมชาติบ้าง แต่ด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งและการบริหารจัดการโดยมืออาชีพ ทำให้มีความแข็งแกร่งและมีโอกาสในการเติบโตจากการเพิ่มสินทรัพย์ใหม่เข้ามาในกองทุนในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีผลการดำเนินงานที่มั่นคงและมีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอทุกๆไตรมาสในอัตราผลตอบแทนประมาณ 7-10% ต่อปี ซึ่งสามารถช่วยในเรื่องการกระจายความเสี่ยงด้านผลตอบแทนเมื่อเทียบกับหุ้นซึ่งมีความผันผวนสูง และพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนน้อยกว่าทำให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีท่ามกลางสภาวะอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ระดับสูง
ด้านรายงานข่าวจากฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชียพลัส จำกัด ระบุว่า ผลการดำเนินงานของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท งวดไตรมาสที่1/55 คาดว่ากองทุนจะเติบโตมากขึ้น เนื่องจากทุกโครงการกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ ทำให้การเก็บค่าเช่าสามารถทำได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งจะสามารถปรับขึ้นค่าเช่าเพิ่มเฉลี่ยอย่างน้อย 5% ต่อปี จากผู้เช่าเก่าที่หมดสัญญา โดยมีสัดส่วน 33% ของพื้นที่ให้เช่าทั้งหมดจะหมดสัญญาภายในปี 2555 และคาดจะต่อสัญญาใหม่เกือบหมด ขณะที่อัตราการเช่าเฉลี่ยของทุกศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานก็ยังคงยืนระดับสูง 95% อย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นคาดงวดไตรมาสที่ 1/55 จะมีรายได้จากการลงทุนสุทธิอย่างน้อย 450 ล้านบาท
ขณะที่ทั้งปี 2555 ฝ่ายวิจัยบล.เอเชียพลัส ประเมินรายได้จากการลงทุนสุทธิ 1,885.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4% yoy โดยในประมาณการยังไม่ได้รวมแผนการซื้อสินทรัพย์ใหม่ และ เงินประกันภัยชดเชยกรณีธุรกิจหยุดชะงักในกรณีสินทรัพย์ไม่เสียหายในวงเงินสูงสุด 10 ล้านบาท/ศูนย์การค้าสำหรับโครงการปิ่นเกล้าแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม กองทุน CPNRF ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/54 หน่วยละ 0.25 บาท โดยทั้งปี 2554 คิดเป็นเงินปันผลรวม 1.023 บาท/หน่วย เทียบเท่า Div Yield 7.75% ต่อปี และคาดจะเพิ่มเป็น 8.3% ในปี 2555 ดังนั้น จากอัตราเงินปันผลสูงจูงใจต่อเนื่อง และมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นจากการเพิ่มสินทรัพย์ ผ่านการซื้อสิทธิการเช่าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่จาก CPN ผ่านการเพิ่มทุนและกู้ยืม(Leverage) ซึ่งคาดจะเกิดขึ้นอย่างเร็วในไตรมาส 2/55 จึงคงแนะนำถือ รับเงินปันผลเป็นหลัก