บลจ.ยูโอบี (ไทย) เจ๋ง คว้า 2 รางวัลบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนดีเด่น จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ Thailand Best Fund House จากนิตยสาร Asia Asset Management จากฮ่องกง หลังปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้น 31.25%เป็นอับดับที่ 1 ในอุตสาหกรรม
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด กล่าวว่า บลจ.ยูโอบี (ไทย) ได้คว้า 2 รางวัลรางวัล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนดีเด่น จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ Thailand Best Fund House จากนิตยสาร Asia Asset Management จากฮ่องกง ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายรูปแบบผ่าน กองทุนส่วนบุคคล กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนรวม โดยประสบการณ์การบริหารกองทุนโดยผู้เชี่ยวชาญมานานกว่า 20 ปี มีแนวทางการลงทุนที่ชัดเจนโดยพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัท และภาพรวมเศรษฐกิจเป็นหลัก พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อแสวงหาโอกาสการลงทุนรวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ จึงทำให้ในปีที่ผ่านมาเราสร้างผลตอบแทนในกองทุนรวมได้ดีอย่างสม่ำเสมอ
"เป็นรางวัลแห่งความสำเร็จที่แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจของนักลงทุนที่มีต่อเราในปีที่ผ่านมา ด้วยแนวทางการบริหารการลงทุนที่สร้างโอกาสรับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอและมีความหลากหลายในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน นอกจากนี้เรายังเติบโตเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมกองทุนรวมด้วยมูลค่าทรัพย์สินรวมภายใต้การจัดการที่เติบโตเพิ่มขึ้นถึง +31.25% ในขณะที่อุตสาหกรรมกองทุนรวมเติบโตเพียง +2.48%” (ข้อมูล ณ 30 ธ.ค. 54 แหล่งที่มา: สมาคมจัดการกองทุนรวม - ไม่นับรวม บลจ.ที่บริหารงานน้อยกว่า 5 ปี) นายวนา กล่าว
สำหรับกองทุนใหม่ที่บลจ.ยูโอบี ได้นำเสนอในปี 2554 ไม่ว่าจะเป็น กองทุนเปิด ยูโอบี อินคัม เดลี (UOBID) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่สามารถสร้างอัตราผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับกองทุนที่ลงทุนในประเภทเดียวกัน จึงได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม กองทุนนี้จัดตั้งเมื่อ 2 ก.พ. 54 ปัจจุบัน ณ 16 ม.ค. 55 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูงถึง 15,270.96 ล้านบาท ส่วนกองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท ดิวิเดนด์-โฟกัส อิควิตี้ ฟันด์ (UOBSDF) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในบริษัทที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ ได้รับการจัดอันดับจากสถาบันที่น่าเชื่อถือว่าสามารถสร้างอัตราผลตอบแทนได้ดี โดยอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 17.43% , 1 ปี อยู่ที่ 14.09% (ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2554)*
นอกจากการบริหารกองทุนที่มีความโดดเด่นทั้งในการสร้างผลตอบแทนและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ด้านการเงินแล้ว การบริการที่สร้างความสะดวกและประสบการณ์การลงทุนที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นถือเป็นสิ่งที่เราได้ตระหนักถึงความสำคัญ ทั้งในด้านข้อมูลและข่าวสารด้านการลงทุน รวมไปถึงการให้ความรู้การลงทุนผ่านการจัดงานสัมมนาโดยความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปีที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ล่าสุดบลจ. ยูโอบี ได้นำเสนอกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ยูโอบี ฟรีโฮลด์ เอท ทองหล่อ (UOB8TF) เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุน ที่จะเสนอขายระหว่างวันที่ 23 ม.ค. - 3 ก.พ. 55 เป็นการลงทุนแบบมีกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในส่วนของร้านค้าปลีกและเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ของ อาคาร ดิ เอท ทองหล่อ เรสซิเดนซ์เซส เงินทุนโครงการ 2,370 ล้านบาท โดยกองทุนจะได้รับค่าเช่าคงที่ 154.05 ล้านบาทต่อปี และมีหลักประกันเงินสดที่ 140 ล้านบาท ในระยะเวลา 2 ปีแรก และกองทุนจะสามารถพิจารณาขายทรัพย์สินดังกล่าว หากมีข้อเสนอซื้อในราคาที่เพิ่มขึ้น 30% (อย่างน้อย) หลังจากปีที่ 5
“ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ได้มอบความไว้วางใจลงทุนกับเรา เรายังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ของเรา เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมกองทุนรวม ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอและตอบสนองความต้องการของนักลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายวนา กล่าว
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด กล่าวว่า บลจ.ยูโอบี (ไทย) ได้คว้า 2 รางวัลรางวัล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนดีเด่น จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ Thailand Best Fund House จากนิตยสาร Asia Asset Management จากฮ่องกง ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายรูปแบบผ่าน กองทุนส่วนบุคคล กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนรวม โดยประสบการณ์การบริหารกองทุนโดยผู้เชี่ยวชาญมานานกว่า 20 ปี มีแนวทางการลงทุนที่ชัดเจนโดยพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัท และภาพรวมเศรษฐกิจเป็นหลัก พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อแสวงหาโอกาสการลงทุนรวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ จึงทำให้ในปีที่ผ่านมาเราสร้างผลตอบแทนในกองทุนรวมได้ดีอย่างสม่ำเสมอ
"เป็นรางวัลแห่งความสำเร็จที่แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจของนักลงทุนที่มีต่อเราในปีที่ผ่านมา ด้วยแนวทางการบริหารการลงทุนที่สร้างโอกาสรับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอและมีความหลากหลายในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน นอกจากนี้เรายังเติบโตเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมกองทุนรวมด้วยมูลค่าทรัพย์สินรวมภายใต้การจัดการที่เติบโตเพิ่มขึ้นถึง +31.25% ในขณะที่อุตสาหกรรมกองทุนรวมเติบโตเพียง +2.48%” (ข้อมูล ณ 30 ธ.ค. 54 แหล่งที่มา: สมาคมจัดการกองทุนรวม - ไม่นับรวม บลจ.ที่บริหารงานน้อยกว่า 5 ปี) นายวนา กล่าว
สำหรับกองทุนใหม่ที่บลจ.ยูโอบี ได้นำเสนอในปี 2554 ไม่ว่าจะเป็น กองทุนเปิด ยูโอบี อินคัม เดลี (UOBID) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่สามารถสร้างอัตราผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับกองทุนที่ลงทุนในประเภทเดียวกัน จึงได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม กองทุนนี้จัดตั้งเมื่อ 2 ก.พ. 54 ปัจจุบัน ณ 16 ม.ค. 55 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูงถึง 15,270.96 ล้านบาท ส่วนกองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท ดิวิเดนด์-โฟกัส อิควิตี้ ฟันด์ (UOBSDF) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในบริษัทที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ ได้รับการจัดอันดับจากสถาบันที่น่าเชื่อถือว่าสามารถสร้างอัตราผลตอบแทนได้ดี โดยอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 17.43% , 1 ปี อยู่ที่ 14.09% (ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2554)*
นอกจากการบริหารกองทุนที่มีความโดดเด่นทั้งในการสร้างผลตอบแทนและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ด้านการเงินแล้ว การบริการที่สร้างความสะดวกและประสบการณ์การลงทุนที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นถือเป็นสิ่งที่เราได้ตระหนักถึงความสำคัญ ทั้งในด้านข้อมูลและข่าวสารด้านการลงทุน รวมไปถึงการให้ความรู้การลงทุนผ่านการจัดงานสัมมนาโดยความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปีที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ล่าสุดบลจ. ยูโอบี ได้นำเสนอกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ยูโอบี ฟรีโฮลด์ เอท ทองหล่อ (UOB8TF) เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุน ที่จะเสนอขายระหว่างวันที่ 23 ม.ค. - 3 ก.พ. 55 เป็นการลงทุนแบบมีกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในส่วนของร้านค้าปลีกและเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ของ อาคาร ดิ เอท ทองหล่อ เรสซิเดนซ์เซส เงินทุนโครงการ 2,370 ล้านบาท โดยกองทุนจะได้รับค่าเช่าคงที่ 154.05 ล้านบาทต่อปี และมีหลักประกันเงินสดที่ 140 ล้านบาท ในระยะเวลา 2 ปีแรก และกองทุนจะสามารถพิจารณาขายทรัพย์สินดังกล่าว หากมีข้อเสนอซื้อในราคาที่เพิ่มขึ้น 30% (อย่างน้อย) หลังจากปีที่ 5
“ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ได้มอบความไว้วางใจลงทุนกับเรา เรายังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ของเรา เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมกองทุนรวม ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอและตอบสนองความต้องการของนักลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายวนา กล่าว
