ตลาดหุ้นไทยยังสดใส บลจ.กรุงไทย ปิดกองทุนเปิดกรุงไทย10เอ็ม 5+5% หลังผลตอบแทนเข้าเป้า 10% ขณะที่บลจ.ยูโอบี ไม่น้อยหน้าปิด 2 ทาร์เก็ตฟันด์ คือกองทุนเปิด ยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ 6 และกองทุนเปิด ยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ 7เช่นกัน
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2555 คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 990 - 1,290 จุด ซึ่งบริษัทมีแนวทางการลงทุนโดยใช้กลยุทธ์ในการคัดสรรหลักทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงตามปัจจัยพื้นฐาน มีศักยภาพในการเติบโตที่มั่นคงและสามารถสร้างอัตราการเติบโตของกำไรในภาวะที่เศรษฐกิจมีความผันผวนจากปัจจัยภายนอกต่างๆได้ ทั้งนี้บริษัทจะพิจารณาออกทริกเกอร์ ฟันด์ ในรูปแบบต่างๆในเวลาที่เหมาะสมต่อไป
โดยบริษัทประสบความสำเร็จจากการบริหารกองทุนเปิดกรุงไทย 10 เอ็ม 5+5% ทริกเกอร์ฟันด์ โดยสามารถปิดกองทุนได้ภายในระยะเวลา 8 เดือน หลังจากจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม ในวันที่ 24 มิถุนายน 2554 โดยที่กองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 11.0000 บาท ขึ้นไปเป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน ซึ่งเข้าเงื่อนไขการเลิกกองทุนตามที่ได้ระบุไว้ในรายละเอียดโครงการ ทั้งนี้บริษัทได้ดำเนินการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยลงทุนทุกราย โดยอัตโนมัติไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ตั้งแต่วันที่13 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนรวมตลาดเงินที่สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ
อย่างไรก็ตามบริษัทกองทุนเปิดกรุงไทย 10 เอ็ม 5+5% ทริกเกอร์ ฟันด์ มีอายุโครงการประมาณ 10 เดือน มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท มีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งทุน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจสูง และให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง เงินลงทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารทางการเงิน และเงินฝาก และ / หรือตราสารอื่นใด ตามที่คณะกรรมการก.ล.ต. กำหนด
ทางด้านนายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. ยูโอบี (ไทย) จำกัด ได้กล่าวว่า นับเป็นความสำเร็จในการบริหารกองทุน ที่นำความเชี่ยวชาญของทีมผู้จัดการกองทุนที่เลือกใช้กลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นที่เหมาะสม เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้กองทุนดังกล่าวบรรลุเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนตามที่กำหนดไว้
โดยกองทุนเปิด ยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ 6 (UOBSS6) และ กองทุนเปิด ยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ 7 (UOBSS7) เป็นกองทุนที่มีการกำหนดเป้าหมายและโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ชัดเจน คือตั้งอัตราผลตอบแทนเป้าหมายที่ 7% ในระยะเวลา 1 ปี โดยเริ่มลงทุนตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2554 เป็นต้นมา ซึ่งเราพิจารณาแล้วว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม คือตลาดหุ้นมีปัจจัยลบจากตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศ GDP ในไตรมาสที่ 2 ปี 2554 ขยายตัวต่ำกว่าคาดมาก ทำให้ต่างชาติมีการปรับลดคาดการณ์ GDP ไทย รวมทั้งนักลงทุนยังคงมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันจากการแก้ปัญหาหนี้ในยุโรป ดังนั้นถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน ทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้มากขึ้น จากนั้นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้ปรับตัวขึ้นในช่วงต้นปี เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากนโยบายการผ่อนคลายมาตรการการเงินของจีน ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจาก 0.25% หลังผลกระทบจากน้ำท่วม ส่งผลให้แรงกดดันเงินเฟ้อน้อยลงด้วย
นอกจากนี้เรามีวิธีการคัดเลือกหุ้นโดยพิจารณาจากหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีราคาที่เหมาะสม และปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนได้ตามความเหมาะสมของภาวะตลาดในช่วงเวลานั้นๆ และเศรษฐกิจที่ยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายรัฐบาลอย่างต่อเนื่องเป็นตัวสนับสนุน ซึ่งส่งผลให้กองทุนนี้ได้รับผลตอบแทนเป็นไปตามเป้าหมายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี
"ขอขอบคุณสำหรับนักลงทุนที่ให้การสนับสนุนและความไว้วางใจต่อการลงทุนกับ บลจ.ยูโอบี (ไทย) จำกัด สำหรับแผนการเปิดกองทุนต่อไปนั้น เรายังคงติดตามภาวะตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อแสวงหาโอกาสการลงทุนให้กับนักลงทุนต่อไป “นายวนา