บลจ.กรุงไทย ประเมินกรอบหุ้นไทยแตะ 990 - 1,290 จุด แนะติดตามทิศทางเศรษฐกิจโลกและแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ยุโรป มั่นใจหุ้นไทยยังถูกใจนักลงทุนต่างชาติ ล่าสุดบริหารกองทุน "กรุงไทย 8 เอ็ม 8% ทริกเกอร์ ฟันด์ 4" ใช้เวลาเพียง 3 เดือนให้ผลตอบแทนตามเป้า 8%
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาสภาวะการลงทุนทั่วโลกมีความผันผวนค่อนข้างมากโดยเฉพาะไตรมาสที่ 4 ของปี ที่ผ่านมานั้น ตลาดหลักทรัพย์ได้รับผลกระทบทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศเช่น ภาวะมหาอุทกภัยน้ำท่วมสถานการณ์หนี้สาธาณะในยุโรปยังคงมีความคลุมเครือในวิธีการแก้ปัญหา แต่ในช่วงปลายปีจนถึง สิ้นเดือนมกราคม 2555 ที่ผ่านมาดัชนีหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยมีแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะจากนักลงทุนต่างชาติที่กลับเข้ามาซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง ประกอบกับการที่นักลงทุนทั่วโลกคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาวิกฤตหนี้ ที่มีแนวโน้มและทิศทางชัดเจนขึ้น ซึ่งเป็นผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ในส่วนของการลงทุนในช่วงปี 2555 ยังคงต้องติดตามทิศทางเศรษฐกิจโลก และพัฒนาการของแนวทางในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป
อย่างไรก็ตาม คาดว่าด้วยแรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อที่ลดลง แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับนโยบายหรือโครงการต่างๆของภาครัฐ เพื่อฟื้นฟูประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนและการบริโภค จะเป็นผลดีต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งในปีนี้ทางบริษัทจะออกกองทริกเกอร์ใหม่ๆในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป
สำหรับในปี 2555 คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 990 - 1,290 จุด ซึ่งบริษัท มีแนวทางการลงทุนโดยใช้กลยุทธ์ในการคัดสรรหลักทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงตามปัจจัยพื้นฐาน มีศักยภาพในการเติบโตที่มั่นคงและสามารถสร้างอัตราการเติบโตของกำไรในภาวะที่เศรษฐกิจมีความผันผวนจากปัจจัยภายนอกต่างๆได้
โดยในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา บริษัทได้จัดตั้ง กองทุนเปิดกรุงไทย 8 เอ็ม 8% ทริกเกอร์ ฟันด์ 4 ( KT-Trigger 4 ) เป็นกองทุนมีนโยบายการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ อายุโครงการ 8 เดือน ทั้งนี้ ตามโครงการกำหนดไว้ว่า หากกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 10.8000 บาท ขึ้นไป เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน หรือเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่าร้อยละ108 ของมูลค่าที่ตราไว้ (10บาท) ณ วันทำการใด ทั้งนี้ บริษัทสามารถบริหารกองทุน ให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนถึงระดับที่คาดการณ์ไว้แล้ว โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ซึ่งได้รับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนทุกราย ไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 21 ( KTFF21 ) ถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นี้ อายุโครงการ 1 ปี มูลค่า 5,000 ล้านบาทโดยกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ทั้ง 100% ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 4.00%ต่อปีโดยไม่เสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย และเงินลงทุนจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยกองทุนจะลงทุนในเงินฝากประจำของ Abu Dhabi Commercial Bank , Union National Bank , Bank of China และตราสารหนี้ระยะกลางของ Banco do brasil , Bancoltau BBA S.A., HANA Bank และ ICBC Asia Ltd.