บลจ.กรุงไทย มั่นใจหุ้นไทยยังเติบโตต่อเนื่องหลังมีแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก แม้จะมีปัจจัยลบเรื่องหนี้ยุโรปและเพดานหนี้สหรัฐฯ พร้อมคงเป้าดัชนีฯไว้ที่ 1,200 จุด ล่าสุดเตรียมจ่าย 5% หลังกองทุน "กรุงไทย 10 เอ็ม5+5% ทริกเกอร์ ฟันด์" เข้าเป้าก่อน5%
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในครึ่งปีหลัง คาดว่าในระยะสั้นดัชนีอาจจะมีความผัวผวน โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง เพราะช่วงที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก โดยปัจจัยที่ต้องจับตามมองคือเรื่องปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป และเรื่องการขายเพดานหนี้ของสหรัฐฯที่ยังตกลงกันไม่ได้
อย่างไรก็ตามในภาพรวมเชื่อว่าจะยังเป็นขาขึ้นอยู่ ซึ่งคาดว่าดัชนีจะสามารถขึ้นไปที่ระดับ 1,200 จุด โดยมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะเห็นการเติบโตจากครึ่งปีแรก รวมทั้งในหลายๆกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง รวมทั้งกลุ่ม ICT เป็นต้น นอกจากนี้ มีความเชื่อมั่นทางการเมืองมากขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยบวกที่สนับสนุนการลงทุน ซึ่งจากปัจจัยที่กล่าวมาเชื่อมั่นว่าผลตอบแทนของกองทุน KT5P5 จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้
ทั้งนี้บริษัทได้จดทะเบียนจัดตั้งกองทุนเปิดกรุงไทย 10 เอ็ม5+5% ทริกเกอร์ ฟันด์ (KT5P5) เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2554 อายุโครงการประมาณ 10 เดือน นโยบายลงทุนในตราสารแห่งทุน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศที่มีปัจจัยพื้นฐานดีมีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจสูง และให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง
โดยจากราคาเปิดจำหน่าย IPO เริ่มต้นที่ 10.0000 บาทต่อหน่วยลงทุน เมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 10.5000 บาทขึ้นไป ณ วันทำการใด บริษัทจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ ในอัตรา 5% ของผลตอบแทน ขณะนี้บริษัทสามารถบริหารกองทุนได้ถึงเป้าหมายแรกที่ได้กำหนดไว้ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2554 ที่ผ่านมา มูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุนอยู่ที่ 10.6912 บาทต่อหน่วย กองทุนจะจ่ายเงินคืนให้กับผู้ลงทุนในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วยในวันที่ 26 ก.ค. 2554
ส่วนที่เหลือจะสะสมอยู่ในกองทุน และหากกองทุนครบอายุโครงการ หรือกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุน ตั้งแต่ 11.0000 บาทขึ้นไป เป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน หรือเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 110 ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท ) และทรัพย์สินของกองทุนเป็นเงินสด หรือเทียบเท่าเงินสด ทั้งหมดในสกุลเงินบาท ณ วันทำการใด บริษัทก็จะดำเนินการปิดกองทุน พร้อมสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนทั้งหมดของผู้ลงทุนเข้ากองทุนมันนี่มาร์เก็ต
นอกจากนี้บริษัทจะเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 13 เสนอขาย 27 กรกฎาคม - 3 สิงหาคม 2554 เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ทั้งใน-ต่างประเทศ โดยตราสารหนี้ในประเทศจะลงทุนประมาณ 41 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ประกอบด้วยตั๋วเงินคลัง ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ ตราสารภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้แก่ เงินฝากประจำUnion National Bank , Medium Term Note ออกโดย ICBC และEuro Commercial of Deposit ( ECD ) ออกโดย China ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.50% ต่อปี เงินลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ จะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน