บลจ.ไอเอ็นจี มั่นใจพื้นฐานหุ้นไทยยังมีโอกาสเติบโ ตหลังจากสถานการณ์การเมืองชัดเจน ขณะที่รัฐบาลชุดใหม่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนเต็มที่ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยคึกคัก คาดสิ้นปีดัชนีราคาหุ้นแตะระดับ 1,200 จุด ล่าสุดส่ง" ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (4)" เอาใจนักลงทุนเปิดขายไอพีโแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 25 กรกฎาคมนี้
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ความชัดเจนทางการเมืองที่เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งที่มองว่าเราน่าจะได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ทำให้บรรยากาศของตลาดการลงทุนในประเทศดีขึ้น จากนโยบายกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ รวมถึงการใช้จ่ายของภาครัฐในระยะสั้น น่าจะมีส่วนช่วยผลักดันให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ประมาณการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังว่าจะอยู่ในช่วง 5-6% สูงกว่าที่เคยคาดว่าจะเติบโตในระดับ 3.5-4.0% ขณะที่ บลจ.ไอเอ็นจี ยังมีมุมมองค่อนข้างบวกต่อตลาดหุ้นไทย โดยเชื่อว่า การสานต่อนโยบายของภาครัฐและความมั่นใจของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น น่าจะทำให้ตลาดหุ้นมีการปรับผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้น และทำให้ตลาดมี Upside มากกว่าที่เคยคาดการณ์ ซึ่งสำนักงานวิจัยหลักทรัพย์หลายแห่งได้ประมาณการณ์ดัชนีราคาหุ้นมีโอกาสปรับขึ้นสู่เป้าหมายที่ระดับประมาณ 1,200 จุดภายในสิ้นปีนี้
"เราจึงเชื่อว่า การลงทุนในช่วงเวลานี้ ราคาหุ้นพื้นฐานดีหลายบริษัทอยู่ในระดับที่ไม่แพง อีกทั้งความเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่มีความแข็งแกร่งสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีปัจจัยสนับสนุนที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้"นายต่อกล่าว
โดยในระหว่างวันที่ 18-25 กรกฎาคมนี้ บลจ.ไอเอ็นจี จะเสนอขายกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (4) (ING Thai Equity Trigger 10% Fund (4)) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีผลประกอบการดี มีแนวโน้มการเติบโตสูง และการใช้เทคนิคเรื่องการจับจังหวะที่เหมาะสมในการเข้า-ออกตลาด เพื่อสร้างโอกาสให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนตามเป้าหมาย โดยเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนสุทธิ (NAV) เพิ่มขึ้นจากราคาเสนอขายครั้งแรกที่ 10 บาท ไปอยู่ที่ 11.20 บาทต่อหน่วย ณ วันใดวันหนึ่ง กองทุนก็จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดโดยอัตโนมัติ ภายใน 5 วันทำการ และนำเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนไปลงทุนใน กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แคช แมเนจเม้นท์ ในวันทำการถัดจากวันที่รับซื้อคืนอัตโนม้ติ
สำหรับกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (4) เป็นกองทุนที่เราตั้งเป้าหมายการลงทุนที่มุ่งหวังโอกาสรับผลตอบแทนแน่นอน ดังนั้น การบริหารจึงเป็นแบบ Absolute Return โดยใช้เทคนิคการจับจังหวะการลงทุน (Market Timing) ซึ่งผู้จัดการกองทุนและนักวิเคราะห์ทางเทคนิค จะร่วมกันพิจารณาหาจังหวะการลงทุนที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด จากการใช้เครื่องมือทางด้านเทคนิคัลมาเป็นองค์ประกอบ เพื่อพิจารณาการเข้า-ออกของหุ้นที่ลงทุน การเก็บกำไรจากการลงทุนในหุ้นแต่ละตัว ในแต่ละช่วงจังหวะ เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้กองทุนมีผลตอบแทนถึงเป้าหมายในระยะเวลาที่เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังใช้เทคนิคคัดเลือกหุ้น (Stock Selection) โดยเลือกหุ้นที่เรามั่นใจว่า จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับกองทุนได้ตามธีมการลงทุนในหุ้นในขณะนั้น
ทั้งนี้ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (4) เป็นกองทุนเปิดในกลุ่ม อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% ที่ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เสนอขายมาแล้วก่อนหน้านี้ 3 กองทุนด้วยกัน ซึ่งแต่ละกองต่างก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทั้งจากยอดจองซื้อในช่วงเสนอขายครั้งแรก (IPO) รวมทั้งการบริหารให้ได้ผลตอบแทนเป้าหมายที่ใช้เวลาไม่นาน โดยกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (1) สามารถปิดกองได้ภายในระยะเวลา 4 เดือน 15 วัน ขณะที่กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (2)ใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือน 11 วัน ส่วนกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (3)นั้น ณ วันที่ 8 กรกฎาคม 2554 มูลค่าหน่วยลงทุนสุทธิอยู่ที่ 10.5636 บาทต่อหน่วย คิดเป็นผลตอบแทนย้อนหลัง 0.31% ในช่วงเวลาประมาณ 3 เดือน โดยดัชนีเปรียบเทียบของกองทุน (SET Index) เท่ากับ 0.53%
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ความชัดเจนทางการเมืองที่เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งที่มองว่าเราน่าจะได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ทำให้บรรยากาศของตลาดการลงทุนในประเทศดีขึ้น จากนโยบายกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ รวมถึงการใช้จ่ายของภาครัฐในระยะสั้น น่าจะมีส่วนช่วยผลักดันให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ประมาณการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังว่าจะอยู่ในช่วง 5-6% สูงกว่าที่เคยคาดว่าจะเติบโตในระดับ 3.5-4.0% ขณะที่ บลจ.ไอเอ็นจี ยังมีมุมมองค่อนข้างบวกต่อตลาดหุ้นไทย โดยเชื่อว่า การสานต่อนโยบายของภาครัฐและความมั่นใจของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น น่าจะทำให้ตลาดหุ้นมีการปรับผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้น และทำให้ตลาดมี Upside มากกว่าที่เคยคาดการณ์ ซึ่งสำนักงานวิจัยหลักทรัพย์หลายแห่งได้ประมาณการณ์ดัชนีราคาหุ้นมีโอกาสปรับขึ้นสู่เป้าหมายที่ระดับประมาณ 1,200 จุดภายในสิ้นปีนี้
"เราจึงเชื่อว่า การลงทุนในช่วงเวลานี้ ราคาหุ้นพื้นฐานดีหลายบริษัทอยู่ในระดับที่ไม่แพง อีกทั้งความเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่มีความแข็งแกร่งสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีปัจจัยสนับสนุนที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้"นายต่อกล่าว
โดยในระหว่างวันที่ 18-25 กรกฎาคมนี้ บลจ.ไอเอ็นจี จะเสนอขายกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (4) (ING Thai Equity Trigger 10% Fund (4)) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีผลประกอบการดี มีแนวโน้มการเติบโตสูง และการใช้เทคนิคเรื่องการจับจังหวะที่เหมาะสมในการเข้า-ออกตลาด เพื่อสร้างโอกาสให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนตามเป้าหมาย โดยเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนสุทธิ (NAV) เพิ่มขึ้นจากราคาเสนอขายครั้งแรกที่ 10 บาท ไปอยู่ที่ 11.20 บาทต่อหน่วย ณ วันใดวันหนึ่ง กองทุนก็จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดโดยอัตโนมัติ ภายใน 5 วันทำการ และนำเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนไปลงทุนใน กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แคช แมเนจเม้นท์ ในวันทำการถัดจากวันที่รับซื้อคืนอัตโนม้ติ
สำหรับกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (4) เป็นกองทุนที่เราตั้งเป้าหมายการลงทุนที่มุ่งหวังโอกาสรับผลตอบแทนแน่นอน ดังนั้น การบริหารจึงเป็นแบบ Absolute Return โดยใช้เทคนิคการจับจังหวะการลงทุน (Market Timing) ซึ่งผู้จัดการกองทุนและนักวิเคราะห์ทางเทคนิค จะร่วมกันพิจารณาหาจังหวะการลงทุนที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด จากการใช้เครื่องมือทางด้านเทคนิคัลมาเป็นองค์ประกอบ เพื่อพิจารณาการเข้า-ออกของหุ้นที่ลงทุน การเก็บกำไรจากการลงทุนในหุ้นแต่ละตัว ในแต่ละช่วงจังหวะ เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้กองทุนมีผลตอบแทนถึงเป้าหมายในระยะเวลาที่เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังใช้เทคนิคคัดเลือกหุ้น (Stock Selection) โดยเลือกหุ้นที่เรามั่นใจว่า จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับกองทุนได้ตามธีมการลงทุนในหุ้นในขณะนั้น
ทั้งนี้ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (4) เป็นกองทุนเปิดในกลุ่ม อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% ที่ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เสนอขายมาแล้วก่อนหน้านี้ 3 กองทุนด้วยกัน ซึ่งแต่ละกองต่างก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทั้งจากยอดจองซื้อในช่วงเสนอขายครั้งแรก (IPO) รวมทั้งการบริหารให้ได้ผลตอบแทนเป้าหมายที่ใช้เวลาไม่นาน โดยกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (1) สามารถปิดกองได้ภายในระยะเวลา 4 เดือน 15 วัน ขณะที่กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (2)ใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือน 11 วัน ส่วนกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (3)นั้น ณ วันที่ 8 กรกฎาคม 2554 มูลค่าหน่วยลงทุนสุทธิอยู่ที่ 10.5636 บาทต่อหน่วย คิดเป็นผลตอบแทนย้อนหลัง 0.31% ในช่วงเวลาประมาณ 3 เดือน โดยดัชนีเปรียบเทียบของกองทุน (SET Index) เท่ากับ 0.53%