บลจ.แอสเซทพลัสมอง Fund flow ไหลกลับเข้าหุ้นไทยอีกครั้ง หลังภาพรวมเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเติบต่อเนื่องมองดัชนีหุ้นไทยวิ่ง 1,150 จุด ขณะที่บลจ.ไอเอ็นจีปลื้ม“ ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (2)” ผลงานเข้าเป้าใช้วลา 2 เดือน 11วัน
นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ต้นปี โดยสามารถปรับตัวอยู่ในระดับมากกว่า 1,100 จุด ซึ่งคาดว่าตลาดอาจมีการปรับฐานจากการขายทำกำไรในช่วงสั้นๆ บ้าง จากการขายทำกำไรของนักลงทุน และความผันผวนของตลาดที่เกิดจากปัจจัยทางด้านการเมืองในประเทศ อย่างไรก็ตาม มุมมองการลงทุนในระยะยาวของตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในเชิงบวก โดยมองว่ามีโอกาสปรับตัวขึ้นไปยืนอยู่ที่ระดับ 1,150 จุด จากผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทจดทะเบียน ประกอบกับ Fund flow ที่เริ่มไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง
ทั้งนี้เราเห็นว่าเป็นจังหวะที่ดีให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง เพื่อสร้างกำไรประมาณ 10% ของเงินลงทุน จากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นในช่วงต่อไป ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีแผนที่จะเสนอขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัสสมาร์ท 10 (ASP-SMART10) ประมาณเดือนพฤษภาคมนี้ โดยกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนผสมที่มีอายุโครงการ 1 ปี สามารถปรับสัดส่วนการลงทุนระหว่างตราสารทุนและตราสารหนี้ในประเทศ ได้ 0-100% ทำให้กองทุนมีความยืดหยุ่นในด้านการลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้น เพื่อหาจังหวะเข้าลงทุนในช่วงที่ตลาดเหมาะสม และมีเป้าหมายการสร้างผลตอบแทนสุทธิที่ระดับ 10% และปิดกองทุนเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนผ่านระดับ 11.00 บาท หรือเมื่อครบอายุกองทุน 1 ปี แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดก่อน
นอกจากนี้เราได้เปิดเสนอขาย IPO กองทุนเปิดแอสเซทพลัสสตาร์ (ASP-STARS) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น กองทุนดังกล่าว ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเป็นอย่างมาก โดยสามารถระดมเงินลงทุนได้มากกว่าที่บริษัทฯ คาดการณ์ไว้ โดยสามารถระดมเงินลงทุนได้ถึง 490.59 ล้านบาท
ขณะที่นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวว่า มูลค่าหน่วยลงทุนของ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (2) สามารถเข้าถึงเป้าหมาย 11.20 บาทต่อหน่วยได้ เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2554 ที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 11.2048 บาทต่อหน่วย ดังนั้น บลจ.ไอเอ็นจี จะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนจากผู้ถือหน่วยทุกราย ในวันที่ 29 เมษายน 2554 และจะนำเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนไปลงทุนในกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แคช แมเนจเม้นท์
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลตอบแทนของกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (2)”เข้าสู่เป้าหมายได้นั้น มาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ไทยที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศที่ยังเชื่อมั่นในการเติบโตของเศรษฐกิจไทย และการขยายตัวของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในปี 2554 ที่คาดว่าจะดีขึ้น รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียที่ยังคงเป็นภูมิภาคเด่นของการลงทุน ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่า การบริหารการลงทุนแบบ Active ซึ่งเป็นการบริหารจัดการด้วยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพในลักษณะการวิเคราะห์และคาดการณ์ภาวะตลาดในอนาคต รวมถึงการจับจังหวะการลงทุนที่ถูกต้องเหมาะสม เป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้กองทุนสามารถเข้าสู่ผลตอบแทนเป้าหมาย
นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ต้นปี โดยสามารถปรับตัวอยู่ในระดับมากกว่า 1,100 จุด ซึ่งคาดว่าตลาดอาจมีการปรับฐานจากการขายทำกำไรในช่วงสั้นๆ บ้าง จากการขายทำกำไรของนักลงทุน และความผันผวนของตลาดที่เกิดจากปัจจัยทางด้านการเมืองในประเทศ อย่างไรก็ตาม มุมมองการลงทุนในระยะยาวของตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในเชิงบวก โดยมองว่ามีโอกาสปรับตัวขึ้นไปยืนอยู่ที่ระดับ 1,150 จุด จากผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทจดทะเบียน ประกอบกับ Fund flow ที่เริ่มไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง
ทั้งนี้เราเห็นว่าเป็นจังหวะที่ดีให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง เพื่อสร้างกำไรประมาณ 10% ของเงินลงทุน จากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นในช่วงต่อไป ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีแผนที่จะเสนอขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัสสมาร์ท 10 (ASP-SMART10) ประมาณเดือนพฤษภาคมนี้ โดยกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนผสมที่มีอายุโครงการ 1 ปี สามารถปรับสัดส่วนการลงทุนระหว่างตราสารทุนและตราสารหนี้ในประเทศ ได้ 0-100% ทำให้กองทุนมีความยืดหยุ่นในด้านการลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้น เพื่อหาจังหวะเข้าลงทุนในช่วงที่ตลาดเหมาะสม และมีเป้าหมายการสร้างผลตอบแทนสุทธิที่ระดับ 10% และปิดกองทุนเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนผ่านระดับ 11.00 บาท หรือเมื่อครบอายุกองทุน 1 ปี แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดก่อน
นอกจากนี้เราได้เปิดเสนอขาย IPO กองทุนเปิดแอสเซทพลัสสตาร์ (ASP-STARS) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น กองทุนดังกล่าว ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเป็นอย่างมาก โดยสามารถระดมเงินลงทุนได้มากกว่าที่บริษัทฯ คาดการณ์ไว้ โดยสามารถระดมเงินลงทุนได้ถึง 490.59 ล้านบาท
ขณะที่นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวว่า มูลค่าหน่วยลงทุนของ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (2) สามารถเข้าถึงเป้าหมาย 11.20 บาทต่อหน่วยได้ เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2554 ที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 11.2048 บาทต่อหน่วย ดังนั้น บลจ.ไอเอ็นจี จะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนจากผู้ถือหน่วยทุกราย ในวันที่ 29 เมษายน 2554 และจะนำเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนไปลงทุนในกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แคช แมเนจเม้นท์
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลตอบแทนของกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (2)”เข้าสู่เป้าหมายได้นั้น มาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ไทยที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศที่ยังเชื่อมั่นในการเติบโตของเศรษฐกิจไทย และการขยายตัวของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในปี 2554 ที่คาดว่าจะดีขึ้น รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียที่ยังคงเป็นภูมิภาคเด่นของการลงทุน ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่า การบริหารการลงทุนแบบ Active ซึ่งเป็นการบริหารจัดการด้วยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพในลักษณะการวิเคราะห์และคาดการณ์ภาวะตลาดในอนาคต รวมถึงการจับจังหวะการลงทุนที่ถูกต้องเหมาะสม เป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้กองทุนสามารถเข้าสู่ผลตอบแทนเป้าหมาย
