บลจ.กรุงไทย ขึ้นแท่นเป็นผู้นำกองทุนกลุ่มอุตสหาหกรรม หรือ Sector Fund พร้อมตั้งเป้าออกโปรดักส์ใหม่ต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมตั้งกองทุนอีทีเอฟทองคำอ้างอิง SPDR Gold Trust เทรดในตลาดหุ้นไทยอีกด้วย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทยังมีแผนจะตั้งกองทุนในลักษณะกองทุนอุตสาหกรรม (Sector Fund) อย่างต่อเนื่อง และสามารถเรียกได้ว่าปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำใน กองทุนกลุ่มอุตสาหกรรมอยู่ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ นอกจากนี้เรามีแผนจะออกกองทุนอีทีเอฟทองคำที่อ้างอิงผลตอบแทนกับดัชนีราคาทองคำของกองทุน SPDR Gold Trust แต่จะนำมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นกองแรกของอุตสาหกรรมด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นเรื่องพิจารณากับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อยู่
นอกจากนี้ในไตรมาสแรกของปีนี้บลจ.กรุงไทยเตรียมจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มอีก 1 กองทุนโดยจะไป ลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็นห้างสรรพสินค้า และจะนำห้างพันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน เข้ามาอยู่ในพอร์ตก่อนและหากมีห้างสรรพสินค้าที่น่าสนใจจึงค่อยนำ เข้ามาในกองทุนเพิ่มในอนาคต
“ส่วนแผนการออกกองทุนสาธารูปโภค (Infrastructure Fund) ยอมรับว่าไม่ง่าย แต่บริษัทยังคงศึกษาอยู่เช่นกัน เพราะต้องยอมรับว่ารูปแบบของกองทุนสาธารณูปโภคมีต้นทุนทางการเงินที่สูงกว่าการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนก็ตามที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่และมีศักยภาพก็สามารถเลือกระดมทุนผ่านการกู้เงินธนาคารด้วยต้นทุนทางการเงินที่ถูกกว่า ช่เรื่องง่ายที่จะเห้นกองทุนสาธารณูปโภคเกิดเป็นรูปธรรมขึ้นมาโดยปราศจากความสนุบสนุนจากภาครัฐ” นายสมชัย กล่าว
ขณะที่นายวีระ วุฒิคงศิริกูล รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า การกระจายความเสี่ยงในการลงทุนเป็นสิ่งที่ดี โดยนักลงทุนควรจัดสรรเงินลงทุนใหถูกต้องไม่ใช่แค่ว่าจะลงทุนในตราสารหนี้ และตราสารทุน แค่นั้นซึ่งการกระจายความเสี่ยงที่ดีควรมีการลงทุนให้หลากหลายรูปแบบโดยเฉพาะการกระจายไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งเรามองว่าตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนมากขึ้น ส่วนเม็ดเงินลงทุนใหม่จากนักลงทุนต่างประเทศนั้นจะมีไม่มาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการโยกไปมาระหว่างตลาดตราสารหนี้ และตราสารทุน โดยปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนตราสารหนี้กว่า 370,00 ล้านบาท ซึ่งต้นปีที่ผ่านมาแค่ 320,000 ล้านบาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตามบลจ.กรุงไทย กำลังเปิดขายกองทุนเปิดเคแทม ยูเอส ทริกเกอร์ ฟันด์ จะเป็นการลงทุนใน ETF แบบ Sectorโดยเราจะเลือก Sector ที่น่าสนใจประมาณ 1-6 กลุ่มที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีในการลงทุนเข้ามาในพอร์ต ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่ผู้จัดการกองทุนของเราจะเป็นคนเลือกหุ้นเข้ามาไว้ในพอร์ตเอง
สำหรับกองทุนเปิดเคแทม ยูเอส ทริกเกอร์ ฟันด์ ( KTUR ) อายุโครงการประมาณ 11 เดือน หรืออายุโครงการอาจต่ำกว่า 11 เดือน หากเกิดเหตุตามเงื่อนไขการเลิกกองทุน โดยบริษัทสามารถเลิกกองทุนได้ก่อนครบอายุโครงการ หากมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 11.30 บาท ต่อหน่วยเป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน หรือมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 11.10 บาท ต่อหน่วย และทรัพย์สินของกองทุนเป็นเงินสดหรือเทียบเท่าเงินสดทั้งหมดในสกุลเงินบาท ณ วันทำการใด เงินลงทุนขั้นต่ำ10,000 บาท มูลค่าที่ตราไว้หน่วยลงทุนละ 10 บาท
ทั้งนี้กองทุนจะเน้นลงทุนในอีทีเอฟหุ้นที่จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่สะท้อนผลการดำเนินงานของตราสารทุน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และลงทุนในต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งทุนตราสารแห่งหนี้ เงินฝาก และ /หรือ ตราสารอื่นใดตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด