บลจ.ไอเอ็นจี มองระยะสั้นหุ้นไทยอยู่ในกรอบ 950-1,000จุด แต่ระยะยาวจะไต่ระดับได้ 1,200 จุด ส่งกองทุน"ไอเอ็นจี อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (2)"ดักทำกำไรพร้อมตั้งเป้าผลตอบแทน 11.20 บาทปิดกองทันที เปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 15 กุมภาพันธ์ 54
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2554 นี้สภาพคล่องของเม็ดเงินในอุตสหกรรมกองทุนรวมจะมีมากถึง 400,000 ล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินจำนวนดังกล่าวจะมาจากเทอมฟันด์ หรือกองทุนตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ทยอยครบอายุในปีนี้ เรามองว่าจะมีเม็ดเงินจำนวนหนึ่งจะไหลเข้ามาลงทุนในกองทุนตราสารทุนเพิ่มมากขึ้น
โดยบลจ.ไอเอ็นจี ได้เสนอขายกองทุนเปิดไอเอ็นจี อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (2) ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการดี และมีแนวโน้มการเติบโตสูง และเน้นการใช้เทคนิคเรื่องการเข้า-ออกตลาดในจังหวะที่เหมาะสม (Maket Timing) เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนตามเป้าหมาย โดยเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนสุทธิ (NAV)เพิ่มขึ้นจากราคาเสนอขายครั้งแรกที่ 10 บาทไปอยู่ที่ 11.20 บาทต่อหน่วยลงทุน ณ วันใดวันหนึ่งก็จะเลิกกองทุนได้ทันที
อย่างไรก็ตามแผนการเปิดขายกองทุนในไตรมาสที่ 1 นี้จะเหลือกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งที่เราดูไว้คือประเทศสหรัฐฯ คาดว่าจะเปิดขายไอพีโอได้ในเร็วๆนี้ ส่วนกองทุนอื่นๆทางบลจ.ไอเอ็นจีจะประเมินเป็นรายไตรมาสเพื่อดูความเหมาะสมในการเสนอขายกองทุน
"เรามองว่าในอนาคตภาพรวมของตลาดหุ้นของจีน ใต้หวัน และฮ่องกง จะดีถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะมีมาตรการคุมเข้มเศรษฐกิจของจีน แต่เราเชื่อว่าเศรษฐกิจทั้ง 3 แห่งจะยังโตเติบต่อได้อีก ซึ่งในอนาคตทางบลจ.ไอเอ็นจี อาจมีกองทุนทริกเกอร์ ไชน่า เข้ามาเสริมก็เป็นได้" นายจุมพล กล่าว
นางสาวศิริพรรณ สุทธาโรจน์ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายจัดการกองทุน - ตราสารทุน บลจ.ไอเอ็นจี กล่าวว่า สำหรับปัจจัยที่จะสนับสนุนโอกาสให้ผลตอบแทนกองทุนเปิดไอเอ็นจี อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (2) เข้าถึงเป้าหมายได้นั้นอยู่ภายใต้ปัจจัยสนับสนุนจากอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยว่าจะเติบโตได้ในกรอบ 3-5%
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สคช.) คาดว่าในปี 2554 เศรษฐกิจไทยจะขายตัวที่ 3.5-4.5% ในส่วนของตลาดหุ้นไทย ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการลงทุนของกองทุนดังกล่าว ทางสำนักวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งคาดการณ์ว่า ดัชนีราคาหุ้นไทยจะขึ้นไปสู่ระดับ 1,200 จุดในปีนี้ โดยแนวโน้มหลักยังมีการเติบโตได้ แต่ช่วงสั้นๆอาจจะมีการปรับตัวเป็นระยะ รวมถึงยังคาดการณ์ว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะเติบโตได้ราว 17-18% อีกด้วย
"ในช่วงสั้นๆตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวนอยู่บ้างระหว่างทาง ซึ่งดัชนีฯที่เรามองไว่ว่าจะอยู่ในกรอบ 950-1,000จุด แต่ทั้งปี 54 นี้ยังคงดัชนีฯไว้ที่ 1,200 จุดดังเดิม ซึ่งเรามองว่าปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอยู่ในเกณฑ์ดี แม้จะมีปัจจัยลบที่เข้ามาทำให้ดัชนีผันผวนอยู่บ้างื แต่ในระยะยาวจะมีเม็ดเงินต่างชาติ กลับเข้ามาตลาดหุ้นไทย ส่วนกลุ่มหุ้นที่เราให้น้ำหนักในช่วงนี้คือ กลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมี " นายสาวศิริพรรณกล่าว
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ-ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ไอเอ็นจี กล่าวทิ้งท้ายว่า จุดเด่นของกองทุนเปิดไอเอ็นจี อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (2) อยู่ที่ความยืดหยุ่นในเรื่องของเวลา ซึ่งหากกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 11.20 บาท ณ วันใดวันหนึ่ง ทางเราก็จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ ซึ่งทำให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้น และมีโอกาสที่กองทุนจะเข้าถึงผลตอบแทนเป้าหมายได้ในเวลาที่รวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยกองทุนกองทุนเปิดไอเอ็นจี อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (2) จะเปิดขายไอพีโอระหว่างวันที่ 8-15 กุมภาพันธ์ 2554 โดยกำหนดขั้นต่ำในการจองซื้อ 2,000 บาท