บลจ.ทิสโก้โชว์หรู ปิดกอง"เอเชีย ลีดเดอร์"ก่อนกำหนด หลังใช้เวลาแค่ 7 เดือนจากอายุโครงการ 1 ปี ทำผลตอบแทนตามเป้า 15% ระบุตลาดเอเชียปีกระต่ายยังน่าสนใจเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์การคงดอกเบี้ยของมะกัน แย้มอาจเปิดกองทุนที่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจให้นักลงทุนเป็นทางเลือกมากขึ้น
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทเปิดขายกองทุนหุ้นที่ลงทุนในภูมิภาคเอเชีย ล่าสุดกองทุนดังกล่าวสามารถให้ผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 15% และสามาถปิดกองทุนได้ภายในระยะเวลาเพียง 7 เดือน หลังจากที่ทำการเสนอขายไปในช่วงเดือน มิถุนายน และ สิงหาคมที่ผ่านมา โดย ณ วันที่ 11 มกราคม 2554 กองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนเท่ากับ 11.5046 บาท และ 11.5174 บาทต่อหน่วย จึงเข้าเงื่อนไขการเลิกโครงการ และจะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งหมด
“การปิดกองทิสโก้ เอเชีย ลีดเดอร์ ทริกเกอร์ 15% กอง 1-2 ได้ก่อนกำหนดนับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของการบริหารจัดการกองทุนของ บลจ.ทิสโก้ ที่มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน และให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพึงพอใจ ซึ่งระยะเวลาในการบริหารกองทุนดังกล่าวนี้ใช้เวลาเพียง 7 เดือน และสามารถให้ผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย และถือเป็นอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศมาก” นายธีรนาถ กล่าว
ด้านนายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการลงทุน บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า สาเหตุที่กอง ทิสโก้ เอเชีย ลีดเดอร์ ทริกเกอร์ 15% กอง 1-2 สร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย 15% นั้น เนื่องจาก ทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจในแถบภูมิภาคเอเชียยังมีแนวโน้มการขยายตัวที่ดี สามารถดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน ให้ลงทุนในแถบภูมิภาคเอเชียมากขึ้น
"การลงทุนใน 2 กองดังกล่าวเน้นลงทุนในกลุ่ม 5 ประเทศผู้นำในแถบภูมิภาคเอเชีย ประกอบด้วย ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ จีน และเกาหลี ซึ่งที่ผ่านมาผลการดำเนินงานก็ออกมาดีตามที่คาดการณ์ไว้ แม้ที่ผ่านมาตลาดจะมีความผันผวน จากเศรษฐกิจในแถบอเมริกาและ ยุโรป ก็ตาม"นายสาห์รัชกล่าว
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 เชื่อว่ายังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหลักมาจากการได้รับผลประโยชน์จากการออกมาตรการนโยบายการเงินผ่อนคลายจากสหรัฐอเมริกาให้คงอัตราดอกเบี้ย โดยในปีนี้เชื่อว่าสหรัฐอเมริกาจะยังคงไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อีกทั้งการพิมพ์พันธบัตรออกมาอีกจำนวน 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเป็นการเพิ่มเม็ดเงินการเงินโลก ซึ่งจะสามารถช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ประกอบกับภูมิภาคเอเชียยังเป็นภูมิภาคที่มีความน่าสนใจ มีการเติบโตที่ดี จึงเป็นภูมิภาคที่นักลงทุนจะเทความสนใจมาในลงทุนมากขึ้น โดยในปีนี้ บลจ.ทิสโก้ ยังมีแผนที่จะนำเสนอกองทุนใหม่ๆ ในรูปแบบที่หลากหลาย ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจออกมาเป็นทางเลือกเพื่อเพิ่มช่องทางการลงทุนให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
อนึ่ง "กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย ลีดเดอร์ ทริกเกอร์ 15%" (TISCOAL) และ "กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย ลีดเดอร์ ทริกเกอร์ 15% #2" (TISCOAL2) มีนโยบายการลงทุนตราสารแห่งทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ในกลุ่ม 5 ประเทศผู้นำในแถบภูมิภาคเอเชีย และมีระยะเวลาลงทุนประมาณ 1 ปี
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทเปิดขายกองทุนหุ้นที่ลงทุนในภูมิภาคเอเชีย ล่าสุดกองทุนดังกล่าวสามารถให้ผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 15% และสามาถปิดกองทุนได้ภายในระยะเวลาเพียง 7 เดือน หลังจากที่ทำการเสนอขายไปในช่วงเดือน มิถุนายน และ สิงหาคมที่ผ่านมา โดย ณ วันที่ 11 มกราคม 2554 กองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนเท่ากับ 11.5046 บาท และ 11.5174 บาทต่อหน่วย จึงเข้าเงื่อนไขการเลิกโครงการ และจะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งหมด
“การปิดกองทิสโก้ เอเชีย ลีดเดอร์ ทริกเกอร์ 15% กอง 1-2 ได้ก่อนกำหนดนับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของการบริหารจัดการกองทุนของ บลจ.ทิสโก้ ที่มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน และให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพึงพอใจ ซึ่งระยะเวลาในการบริหารกองทุนดังกล่าวนี้ใช้เวลาเพียง 7 เดือน และสามารถให้ผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย และถือเป็นอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศมาก” นายธีรนาถ กล่าว
ด้านนายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการลงทุน บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า สาเหตุที่กอง ทิสโก้ เอเชีย ลีดเดอร์ ทริกเกอร์ 15% กอง 1-2 สร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย 15% นั้น เนื่องจาก ทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจในแถบภูมิภาคเอเชียยังมีแนวโน้มการขยายตัวที่ดี สามารถดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน ให้ลงทุนในแถบภูมิภาคเอเชียมากขึ้น
"การลงทุนใน 2 กองดังกล่าวเน้นลงทุนในกลุ่ม 5 ประเทศผู้นำในแถบภูมิภาคเอเชีย ประกอบด้วย ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ จีน และเกาหลี ซึ่งที่ผ่านมาผลการดำเนินงานก็ออกมาดีตามที่คาดการณ์ไว้ แม้ที่ผ่านมาตลาดจะมีความผันผวน จากเศรษฐกิจในแถบอเมริกาและ ยุโรป ก็ตาม"นายสาห์รัชกล่าว
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 เชื่อว่ายังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหลักมาจากการได้รับผลประโยชน์จากการออกมาตรการนโยบายการเงินผ่อนคลายจากสหรัฐอเมริกาให้คงอัตราดอกเบี้ย โดยในปีนี้เชื่อว่าสหรัฐอเมริกาจะยังคงไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อีกทั้งการพิมพ์พันธบัตรออกมาอีกจำนวน 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเป็นการเพิ่มเม็ดเงินการเงินโลก ซึ่งจะสามารถช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ประกอบกับภูมิภาคเอเชียยังเป็นภูมิภาคที่มีความน่าสนใจ มีการเติบโตที่ดี จึงเป็นภูมิภาคที่นักลงทุนจะเทความสนใจมาในลงทุนมากขึ้น โดยในปีนี้ บลจ.ทิสโก้ ยังมีแผนที่จะนำเสนอกองทุนใหม่ๆ ในรูปแบบที่หลากหลาย ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจออกมาเป็นทางเลือกเพื่อเพิ่มช่องทางการลงทุนให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
อนึ่ง "กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย ลีดเดอร์ ทริกเกอร์ 15%" (TISCOAL) และ "กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย ลีดเดอร์ ทริกเกอร์ 15% #2" (TISCOAL2) มีนโยบายการลงทุนตราสารแห่งทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ในกลุ่ม 5 ประเทศผู้นำในแถบภูมิภาคเอเชีย และมีระยะเวลาลงทุนประมาณ 1 ปี