บลจ.กรุงไทย ประเมินตลาดตราสารหนี้ รับข่าวขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% วันนี้ (20 เม.ย.) แต่ชี้กระแสเงินไหลเข้า กดผลตอบแทนบอนด์ระยะสั้นปรับขึ้นไม่สูง ล่าสุด ขายกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือนเอาใจนักลงทุน ให้ผลตอบแทน 2.65% ต่อปี พร้อมโชว์ผลงานกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ เข้าเป้าก่อนกำหนด
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน 1 ( KTSIV6M1 )ในวันที่ 18 - 22 เมษายนนี้ โดยกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนประเภท Roll Over ทุก 6 เดือน ซึ่งจะเน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐระยะสั้น เงินฝากสถาบันการเงินที่ได้รับความคุ้มครองโดยสถาบันประกันเงินฝาก ตราสารหนี้ธนาคาร และ/หรือตราสารหนี้เอกชนที่มีอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือที่ดี โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.65% ต่อปี และไม่เสียภาษี
โดยกองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือมีเป้าหมายต้องการพักเงินระยะสั้นเพื่อหาโอกาสลงทุนที่เหมาะสมต่อไปในภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
ทั้งนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดตราสารหนี้ไทยค่อนข้างเงียบ มีปริมาณการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากติดเทศกาลวันหยุดสงกรานต์ ประกอบกับตลาดคาดการณ์การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 25 Bps มาเป็น 2.75% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยในวันที่ 20 เมษายน 2554 ส่งผลให้นักลงทุนส่วนใหญ่รอจังหวะเข้าซื้อเมื่ออัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้นในระดับที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม กระแสเงินไหลเข้าจากต่างประเทศที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจจะกดดันอัตราผลตอบแทนไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะตราสารระยะสั้น
นายสมชัยกล่าวต่อไปว่า บริษัทได้เปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย 10 เอ็ม 10 % ทริกเกอร์ ฟันด์ ( KT-Trigger2 ) เมื่อเดือนกันยายน 2553 โดยมีเงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทสามารถบริหารกองทุน ให้ได้ผลตอบแทนที่10% ภายในระยะเวลาประมาณ6 เดือน ซึ่งบริษัทสามารถปิดกองทุนได้ก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้ เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารกองทุน ให้มีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 11.00 บาท ขึ้นไป เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน จากมูลค่าหน่วยลงทุน ในช่วง IPO ที่ราคา 10.00 บาทต่อหน่วย และเป็นไปตามที่คณะกรรมการก.ล.ต. กำหนด โดยบริษัทจะทำการสับเปลี่ยนเงินลงทุนของผู้ถือหน่วย พร้อมผลตอบแทน ไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยเซฟวิ่งฟันด์ ในวันที่ 25 เมษายน 2554
กองทุนนี้ ผู้จัดการกองทุนมีการบริหารแบบ Active Management มีการจับจังหวะในการลงทุน (Market Timing) และเลือกหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ประกอบกับมีการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ (Asset Allocation)
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน 1 ( KTSIV6M1 )ในวันที่ 18 - 22 เมษายนนี้ โดยกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนประเภท Roll Over ทุก 6 เดือน ซึ่งจะเน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐระยะสั้น เงินฝากสถาบันการเงินที่ได้รับความคุ้มครองโดยสถาบันประกันเงินฝาก ตราสารหนี้ธนาคาร และ/หรือตราสารหนี้เอกชนที่มีอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือที่ดี โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.65% ต่อปี และไม่เสียภาษี
โดยกองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือมีเป้าหมายต้องการพักเงินระยะสั้นเพื่อหาโอกาสลงทุนที่เหมาะสมต่อไปในภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
ทั้งนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดตราสารหนี้ไทยค่อนข้างเงียบ มีปริมาณการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากติดเทศกาลวันหยุดสงกรานต์ ประกอบกับตลาดคาดการณ์การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 25 Bps มาเป็น 2.75% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยในวันที่ 20 เมษายน 2554 ส่งผลให้นักลงทุนส่วนใหญ่รอจังหวะเข้าซื้อเมื่ออัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้นในระดับที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม กระแสเงินไหลเข้าจากต่างประเทศที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจจะกดดันอัตราผลตอบแทนไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะตราสารระยะสั้น
นายสมชัยกล่าวต่อไปว่า บริษัทได้เปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย 10 เอ็ม 10 % ทริกเกอร์ ฟันด์ ( KT-Trigger2 ) เมื่อเดือนกันยายน 2553 โดยมีเงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทสามารถบริหารกองทุน ให้ได้ผลตอบแทนที่10% ภายในระยะเวลาประมาณ6 เดือน ซึ่งบริษัทสามารถปิดกองทุนได้ก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้ เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารกองทุน ให้มีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 11.00 บาท ขึ้นไป เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน จากมูลค่าหน่วยลงทุน ในช่วง IPO ที่ราคา 10.00 บาทต่อหน่วย และเป็นไปตามที่คณะกรรมการก.ล.ต. กำหนด โดยบริษัทจะทำการสับเปลี่ยนเงินลงทุนของผู้ถือหน่วย พร้อมผลตอบแทน ไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยเซฟวิ่งฟันด์ ในวันที่ 25 เมษายน 2554
กองทุนนี้ ผู้จัดการกองทุนมีการบริหารแบบ Active Management มีการจับจังหวะในการลงทุน (Market Timing) และเลือกหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ประกอบกับมีการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ (Asset Allocation)