บลจ.กรุงไทย ประเมิน กนง.อาจขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 20 เมษายน อีก 0.25% พร้อมมองหุ้นไทยแกว่งตัวระหว่าง 1,020-1,150 จุด แนะติดตามตัวเลขผลประกอบการกลุ่มแบงก์ในไตรมาสที่ 1/54 หลังรับอานิสงค์จากการขึ้นดอกเบี้ยR/P
รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนในเดือนเมษายน 2554 ว่า ดัชนีคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยดัชนีแกว่งตัวระหว่าง 1,020-1,150 จุด อย่างไรก็ตามคาดว่าการซื้อขายจะชะลอลงไป เนื่องจากมีวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามและมีผลต่อการลงทุนได้แก่ ตัวเลขผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่คาดว่าจะออกมาดีในไตรมาส 1/54 ซึ่งแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงหนุนกลุ่มธนาคาร การเกร็งกำไรก่อนการเลือกตั้ง ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯว่าจะดีต่อเนื่องหรือไม่ รวมถึงแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ ECB
นอกจากนี้ปัญหาหนี้ยุโรป ปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลาง และปัญหาเตาปฎิการณ์นิวเคลียร์ในญี่ปุ่น รวมถึงปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ของไทย ทำให้จะเห็นการปรับลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย โดยธปท.ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีมีการปรับฐานลงมาได้
ส่วนภาวะตลาดตราสารหนี้นั้น เราคาดว่ามูลค่าการซื้อขายจะลดลงเนื่องจากมีวันหยุดทำการหลายวันในเทศการสงกรานต์ ในขณะที่เส้นอัตราผลตอบแทนมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากการคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ในการประชุมในวันที่ 20 เมษายน นี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงกับพันธบัตรอายุสั้น
ฝ่ายวิจัยบลจ.กรุงไทย ระบุต่อว่า การเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์ใน MENA เป็นหลัก ซึ่งถ้าสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย คาดว่าจะทำให้ราคาน้ำมันในเดือนเมษายนนี้ ทรงตัวอยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มต่อไป นอกจากนี้ยังคงต้องจับตามองด้านความต้องกาารน้ำมันด้วยเพราะกำลังจะเข้าสู่ช่วง Driving Season ของสหรัฐฯ คาดว่าจะมีความต้องการใช้น้้ำมันเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในเดือนนี้ แม้ว่าภาพรวมยังคงอยู่มีปัจจัยบวกผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากปัจจัยความไม่สงบในตะวันออกกลางและความกังวลต่อเศรษฐกิจในยุโรปที่ยังคงอยู่ แต่อย่างไรกํตามปัจจุบันราคาทองคำได้ขยับตัวสูงขึ้นมาก
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจหลายๆตัวปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ทองคำมีความน่าสนใจน้อยลงและมีโอกาสที่จะเกิดการโยกเม็ดเงินลงทุนจากทองคำไปลงทุนในตลาดหุ้นแทนเพื่อหาโอกาสในการทำกำไรที่ดีกว่า ซึ่งราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลดลงได้ สำหรับการลงทุนใน SPDR Gold Trust กองทุน ETF ทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก ถือครองทองคำเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ณ สิ้นเดือนมีนาคม มีจำนวน 1,211.23 ตัน เพิ่มขึ้น 0.33 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5.06 หมื่อล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนในเดือนเมษายน 2554 ว่า ดัชนีคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยดัชนีแกว่งตัวระหว่าง 1,020-1,150 จุด อย่างไรก็ตามคาดว่าการซื้อขายจะชะลอลงไป เนื่องจากมีวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามและมีผลต่อการลงทุนได้แก่ ตัวเลขผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่คาดว่าจะออกมาดีในไตรมาส 1/54 ซึ่งแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงหนุนกลุ่มธนาคาร การเกร็งกำไรก่อนการเลือกตั้ง ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯว่าจะดีต่อเนื่องหรือไม่ รวมถึงแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ ECB
นอกจากนี้ปัญหาหนี้ยุโรป ปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลาง และปัญหาเตาปฎิการณ์นิวเคลียร์ในญี่ปุ่น รวมถึงปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ของไทย ทำให้จะเห็นการปรับลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย โดยธปท.ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีมีการปรับฐานลงมาได้
ส่วนภาวะตลาดตราสารหนี้นั้น เราคาดว่ามูลค่าการซื้อขายจะลดลงเนื่องจากมีวันหยุดทำการหลายวันในเทศการสงกรานต์ ในขณะที่เส้นอัตราผลตอบแทนมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากการคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ในการประชุมในวันที่ 20 เมษายน นี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงกับพันธบัตรอายุสั้น
ฝ่ายวิจัยบลจ.กรุงไทย ระบุต่อว่า การเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์ใน MENA เป็นหลัก ซึ่งถ้าสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย คาดว่าจะทำให้ราคาน้ำมันในเดือนเมษายนนี้ ทรงตัวอยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มต่อไป นอกจากนี้ยังคงต้องจับตามองด้านความต้องกาารน้ำมันด้วยเพราะกำลังจะเข้าสู่ช่วง Driving Season ของสหรัฐฯ คาดว่าจะมีความต้องการใช้น้้ำมันเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในเดือนนี้ แม้ว่าภาพรวมยังคงอยู่มีปัจจัยบวกผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากปัจจัยความไม่สงบในตะวันออกกลางและความกังวลต่อเศรษฐกิจในยุโรปที่ยังคงอยู่ แต่อย่างไรกํตามปัจจุบันราคาทองคำได้ขยับตัวสูงขึ้นมาก
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจหลายๆตัวปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ทองคำมีความน่าสนใจน้อยลงและมีโอกาสที่จะเกิดการโยกเม็ดเงินลงทุนจากทองคำไปลงทุนในตลาดหุ้นแทนเพื่อหาโอกาสในการทำกำไรที่ดีกว่า ซึ่งราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลดลงได้ สำหรับการลงทุนใน SPDR Gold Trust กองทุน ETF ทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก ถือครองทองคำเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ณ สิ้นเดือนมีนาคม มีจำนวน 1,211.23 ตัน เพิ่มขึ้น 0.33 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5.06 หมื่อล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
