ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติยอมรับห่วงเงินเฟ้อพุ่ง หลังแรงคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นในทุกเดือน ล่าสุดอาจเกิน 6% ขณะที่เศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัว 2-3% พร้อมนำปัญหาน้ำท่วมภาคใต้เข้าร่วมพิจารณาในการประชุม กนง.วันที่ 20 เม.ย.นี้เผยน้ำท่วมเบื้องต้นกระทบภาคท่องเที่ยว ประมงและขนส่ง แต่ต้องรอประเมินอีกครั้ง แบงก์ 46 สาขาภาคใต้ ปิดชั่วคราว
นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า เดือนมี.ค.ของปีนี้ เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ภาคใต้ของไทย เหตุการณ์ภัยพิบัติญี่ปุ่น และปัญหาความไม่สงบทางการเมืองลิเบีย ทำให้ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 20 เม.ย.นี้จะนำปัจจัยเหล่านี้มาร่วมพิจารณา
และประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยใหม่ โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ยังคงขยายตัวเป็นบวกได้ เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งไตรมาสแรกปีก่อนฐานสูงถึง 12.7%
“ธปท.คาดว่าเศรษฐกิจไตรมาสแรกของปีนี้จะมีโอกาสที่จะอยู่ในช่วง 2-3% ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)คาดการณ์ไว้ และมีโอกาสที่การส่งออกไทยสูงกว่า 11-14% ซึ่งเป็นการประมาณการของธปท.ในช่วงเดือนม.ค.อย่างไรก็ตาม ธปท.เชื่อว่าขณะนี้เศรษฐกิจไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะปัญหาเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจถดถอยหรือ Stagflation แม้แรงกดดันอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศเพิ่มขึ้นมาก และมองว่ากลุ่มประเทศ(G3) ยกเว้นญี่ปุ่นก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นเช่นกัน เพราะเศรษฐกิจสหรัฐช่วงที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้น และในยุโรปก็ไม่ได้แย่นัก”
สำหรับเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ภาคใต้ของไทยนั้น ธปท.อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์อยู่ โดยในเบื้องต้นอาจได้รับผลกระทบมายังภาคการท่องเที่ยว ซึ่งช่วงนี้เป็นฤดูการท่องเที่ยวในภาคใต้ รวมถึงการประมง การขนส่งคมนาคม ส่วนภาคการเกษตร โดยเฉพาะยางพารา ปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญมองว่าช่วงนี้ยังไม่ใช่ฤดูกรีดยางและหากสถานการณ์คลี่คลายอย่างที่หลายฝ่ายมองว่าจะเป็นในสัปดาห์หน้าก็จะกระทบภาคเกษตรไม่มากนัก
ส่วนปัญหาแผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่นมองว่าในระยะสั้นอาจส่งผลกระทบอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ให้ชะลอการผลิต การส่งมอบสินค้า รวมถึงการหาอะไหล่ชิ้นส่วนยากขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าช่วงที่เหลือของปีนี้อาจผลิตชดเชยส่วนที่ขาดหายไปได้และในกลุ่มอิเล็กทรอนิสก์อาจหาชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบจากประเทศอื่นทดแทน
อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมอาหารและวัสดุก่อสร้างของไทยอาจได้รับการสั่งซื้อมากขึ้น
ปัญหาการสู้รบในลิเบีย ภาคการส่งออกไทยยังไม่ได้รับผลกระทบทางตรง แต่อาจมีผลต่อราคาน้ำมันให้ปรับตัวสูงขึ้นบ้าง แต่ช่วงที่ผ่านมาราคาไม่ได้ปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) ยังสามารถผลิตสำรองได้ ทำให้รองรับปัญหาในลิเบียได้
ทั้งนี้ ล่าสุดเศรษฐกิจในเดือนก.พ.ที่ผ่านมายังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แม้มีบางอุตสาหกรรมลดลงจากปัจจัยชั่วคราวที่โรงกลั่นน้ำมันปิดซ่อมบำรุงและการผลิต Hard Disk Drive หดตัว แต่เชื่อสถานการณ์ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ขณะที่เสถียรภาพต่างประเทศยังไม่มีประเด็นที่น่าเป็นห่วง แต่เสถียรภาพในประเทศแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อยังมีอยู่และอนาคตมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น จากปัจจุบันเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 2.87%
“แรงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นในทุกเดือนทั้งราคาสินค้าและต้นทุนการผลิต สะท้อนได้จากการตอบแบบสำรวจของภาคธุรกิจที่ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อใน 12 เดือนข้างหน้ามีโอกาสสูงกว่า 6% อย่างไรก็ตามต้นทุนเพิ่มขึ้นและมีแรงกดดันด้านอุปสงค์จากเศรษฐกิจที่ขยายตัว ทำให้ผู้ประกอบการมองว่าสถานการณ์ที่ปรับราคาสินค้าได้ยากเริ่มลดลง”
นอกจากนี้รายได้เกษตรกรขยายตัว 36.1% ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ตามราคาพืชผล เช่นเดียวกับการส่งออกมีมูลค่า 18,406 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือขยายตัว 29.1% การนำเข้ามีมูลค่า 16,375 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือขยายตัว 18.6% ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังขยายดีต่อเนื่องที่มีกลุ่มนักท่องเที่ยวในยุโรปและสหรัฐเข้ามาเพิ่มเติม จากเดิมมีแค่กลุ่มเอเชียทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 1.8 ล้านคนและมีอัตราการเข้าพักสูงถึง 68.9% ซึ่งสูงกว่าระยะเดียวกันปีก่อนและดีขึ้นในทุกภูมิภาคของประเทศ
“ขณะนี้การบริโภคภาคเอกชนที่ได้รับปัจจัยหนุน คือ รายได้เกษตรและการจ้างงานสูงขึ้น รวมถึงสินเชื่อขยายตัวถึง 15% ในเดือนนี้ เช่นเดียวกับการลงทุนที่ขณะนี้เริ่มเห็นการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจากปัญหาน้ำท่วมเมื่อปลายปีก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งเพื่อรองรับมหกรรมบ้านและคอนโดที่เกิดขึ้นในเดือนมี.ค.นี้ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำและสินเชื่อภาคธุรกิจที่ขยายตัวดีถึง 12%
พร้อมทั้งความเชื่อมั่นนักธุรกิจที่ดีขึ้นด้วย จึงเป็นแรงส่งเศรษฐกิจทีีดีในระยะต่อไป”
***แบงก์46สาขาปิดหนีน้ำท่วม
รายงานระบุว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์จำนวน 10 แห่ง ได้ขออนุญาต ธปท. ปิดสาขาเป็นการชั่วคราวรวม 46 สาขา เนื่องมาจากผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคใต้ ขณะเดียวกันยังมีศูนย์แลกเปลี่ยนเงินอีก 2 แห่ง แจ้งปิดทำการเป็นการชั่วคราวเข้ามาด้วย.
นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า เดือนมี.ค.ของปีนี้ เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ภาคใต้ของไทย เหตุการณ์ภัยพิบัติญี่ปุ่น และปัญหาความไม่สงบทางการเมืองลิเบีย ทำให้ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 20 เม.ย.นี้จะนำปัจจัยเหล่านี้มาร่วมพิจารณา
และประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยใหม่ โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ยังคงขยายตัวเป็นบวกได้ เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งไตรมาสแรกปีก่อนฐานสูงถึง 12.7%
“ธปท.คาดว่าเศรษฐกิจไตรมาสแรกของปีนี้จะมีโอกาสที่จะอยู่ในช่วง 2-3% ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)คาดการณ์ไว้ และมีโอกาสที่การส่งออกไทยสูงกว่า 11-14% ซึ่งเป็นการประมาณการของธปท.ในช่วงเดือนม.ค.อย่างไรก็ตาม ธปท.เชื่อว่าขณะนี้เศรษฐกิจไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะปัญหาเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจถดถอยหรือ Stagflation แม้แรงกดดันอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศเพิ่มขึ้นมาก และมองว่ากลุ่มประเทศ(G3) ยกเว้นญี่ปุ่นก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นเช่นกัน เพราะเศรษฐกิจสหรัฐช่วงที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้น และในยุโรปก็ไม่ได้แย่นัก”
สำหรับเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ภาคใต้ของไทยนั้น ธปท.อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์อยู่ โดยในเบื้องต้นอาจได้รับผลกระทบมายังภาคการท่องเที่ยว ซึ่งช่วงนี้เป็นฤดูการท่องเที่ยวในภาคใต้ รวมถึงการประมง การขนส่งคมนาคม ส่วนภาคการเกษตร โดยเฉพาะยางพารา ปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญมองว่าช่วงนี้ยังไม่ใช่ฤดูกรีดยางและหากสถานการณ์คลี่คลายอย่างที่หลายฝ่ายมองว่าจะเป็นในสัปดาห์หน้าก็จะกระทบภาคเกษตรไม่มากนัก
ส่วนปัญหาแผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่นมองว่าในระยะสั้นอาจส่งผลกระทบอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ให้ชะลอการผลิต การส่งมอบสินค้า รวมถึงการหาอะไหล่ชิ้นส่วนยากขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าช่วงที่เหลือของปีนี้อาจผลิตชดเชยส่วนที่ขาดหายไปได้และในกลุ่มอิเล็กทรอนิสก์อาจหาชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบจากประเทศอื่นทดแทน
อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมอาหารและวัสดุก่อสร้างของไทยอาจได้รับการสั่งซื้อมากขึ้น
ปัญหาการสู้รบในลิเบีย ภาคการส่งออกไทยยังไม่ได้รับผลกระทบทางตรง แต่อาจมีผลต่อราคาน้ำมันให้ปรับตัวสูงขึ้นบ้าง แต่ช่วงที่ผ่านมาราคาไม่ได้ปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) ยังสามารถผลิตสำรองได้ ทำให้รองรับปัญหาในลิเบียได้
ทั้งนี้ ล่าสุดเศรษฐกิจในเดือนก.พ.ที่ผ่านมายังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แม้มีบางอุตสาหกรรมลดลงจากปัจจัยชั่วคราวที่โรงกลั่นน้ำมันปิดซ่อมบำรุงและการผลิต Hard Disk Drive หดตัว แต่เชื่อสถานการณ์ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ขณะที่เสถียรภาพต่างประเทศยังไม่มีประเด็นที่น่าเป็นห่วง แต่เสถียรภาพในประเทศแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อยังมีอยู่และอนาคตมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น จากปัจจุบันเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 2.87%
“แรงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นในทุกเดือนทั้งราคาสินค้าและต้นทุนการผลิต สะท้อนได้จากการตอบแบบสำรวจของภาคธุรกิจที่ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อใน 12 เดือนข้างหน้ามีโอกาสสูงกว่า 6% อย่างไรก็ตามต้นทุนเพิ่มขึ้นและมีแรงกดดันด้านอุปสงค์จากเศรษฐกิจที่ขยายตัว ทำให้ผู้ประกอบการมองว่าสถานการณ์ที่ปรับราคาสินค้าได้ยากเริ่มลดลง”
นอกจากนี้รายได้เกษตรกรขยายตัว 36.1% ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ตามราคาพืชผล เช่นเดียวกับการส่งออกมีมูลค่า 18,406 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือขยายตัว 29.1% การนำเข้ามีมูลค่า 16,375 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือขยายตัว 18.6% ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังขยายดีต่อเนื่องที่มีกลุ่มนักท่องเที่ยวในยุโรปและสหรัฐเข้ามาเพิ่มเติม จากเดิมมีแค่กลุ่มเอเชียทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 1.8 ล้านคนและมีอัตราการเข้าพักสูงถึง 68.9% ซึ่งสูงกว่าระยะเดียวกันปีก่อนและดีขึ้นในทุกภูมิภาคของประเทศ
“ขณะนี้การบริโภคภาคเอกชนที่ได้รับปัจจัยหนุน คือ รายได้เกษตรและการจ้างงานสูงขึ้น รวมถึงสินเชื่อขยายตัวถึง 15% ในเดือนนี้ เช่นเดียวกับการลงทุนที่ขณะนี้เริ่มเห็นการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจากปัญหาน้ำท่วมเมื่อปลายปีก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งเพื่อรองรับมหกรรมบ้านและคอนโดที่เกิดขึ้นในเดือนมี.ค.นี้ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำและสินเชื่อภาคธุรกิจที่ขยายตัวดีถึง 12%
พร้อมทั้งความเชื่อมั่นนักธุรกิจที่ดีขึ้นด้วย จึงเป็นแรงส่งเศรษฐกิจทีีดีในระยะต่อไป”
***แบงก์46สาขาปิดหนีน้ำท่วม
รายงานระบุว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์จำนวน 10 แห่ง ได้ขออนุญาต ธปท. ปิดสาขาเป็นการชั่วคราวรวม 46 สาขา เนื่องมาจากผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคใต้ ขณะเดียวกันยังมีศูนย์แลกเปลี่ยนเงินอีก 2 แห่ง แจ้งปิดทำการเป็นการชั่วคราวเข้ามาด้วย.