Thai BMA เผยตลาดตราสารหนี้ไตรมาสแรกซื้อขายคึกคัก มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท คาดระหว่างปีทะยานขึ้นอีก 150,000 ล้านบาท อานิสงส์ต่างชาติกระหน่ำบอนด์ระยะสั้น ด้านหุ้นกู้ไตรมาส 2 คาดออกเพิ่มอีก 40,000 ล้านบาท หลังดอกเบี้ยจ่อปรับขึ้นอีก
นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย หรือ Thai BMA เปิดเผยว่า ปีนี้คาดว่าการซื้อขายในตลาดตราสารหนี้จะเพิ่มขึ้น 50% จากปีก่อนเป็น 900,000 ล้านบาท โดยไตรมาสแรกมีมูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้รวม 3 แสนล้านบาท และระหว่างปีคาดว่าจะพุ่งขึ้นไปอีก 150,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาซื้อขายระยะสั้น ขณะที่ตลาดต้องการให้มีการซื้อขายตราสารหนี้ระยะยาว
ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้คิดเป็น 70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ภายใน 3-5 ปีนี้ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 80% โดยส่วนใหญ่เป็นพันธบัตรรัฐบาล มีตราสารหนี้เอกชนน้อยมาก คาดว่าจะมีปัญหาเรื่องราคาเป็นประเด็นหลักเท่านั้น
นายนิวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ผลิตภัณฑ์ตราสารหนี้ใหม่ที่จะออกในไตรมาส 2 นี้จะมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นเช่น พันธบัตรที่จ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับเงินเฟ้อ ซึ่งกระทรวงการคลังจะออกเป็นครั้งแรกเป็นพันธบัตรอายุ 50 ปี รวมถึงพันธบัตรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุน
"ความต้องการลงทุนยังมีอยู่ระดับสูง เนื่องจากสภาพคล่องในประเทศยังเหลือจำนวนมาก ส่วนหนึ่งจะมีเงินไหลกลับเข้ามาจากกองทุนลงทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ที่ครบอายุจำนวนหลายแสนล้านบาท รวมถึงเงินไหลเข้ามาจากนักลงทุนต่างชาติ ทำให้มีปริมาณเงินในระบบมากเพียงพอที่จะไม่ทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่องตึงตัว แม้ภาครัฐและภาคเอกชนจะออกมาระดมทุนพร้อมกัน" นายนิวัฒน์ กล่าว
นายนิวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของหุ้นกู้ไตรมาส 2 จะเห็นการออกหุ้นกู้เพิ่มขึ้น 30,000 - 40,000 ล้านบาท เนื่องจากทิศทางแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นทำให้บริษัทจดทะเบียนที่มีแผนออกหุ้นกู้อยู่แล้ว คงจะเร่งออกให้ทันก่อนที่ดอกเบี้ยจะปรับขึ้นแรงในช่วงที่เหลือของปีนี้จากที่คาดการณ์ว่าดอกเบี้ยนโยบายจะเพิ่มขึ้นอีก 0.5 - 1% ในสิ้นปีนี้
ขณะเดียวกันในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมามีการออกหุ้นกู้แล้วประมาณกว่า 13,000 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีความเป็นไปได้สูงที่มูลค่าการออกหุ้นกู้ในปีนี้จะสูงกว่าเป้าหมายที่ Thai BMA คาดการณ์ไว้ที่วงเงิน 4 แสนล้านบาท หากบริษัทจดทะเบียนมีแผนลงทุนมากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มพลังงาน ซึ่งมักออกหุ้นกู้วงเงินก้อนใหญ่มากด้วย
ทั้งนี้ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยรายงานแนวโน้มตลาดตราสารหนี้เดือนเมษายนว่า เนื่องจากในเดือนเมษายนมีวันหยุดยาวหลายวัน ดังนั้นหากยังไม่มีปัจจัยบวกอื่นเข้ามา การซื้อขายในตลาดตราสารหนี้น่าจะยังคงนิ่งๆ ต่อเนื่องเหมือนในช่วงเดือนมีนาคม ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวลดลงมาในช่วงเดือนมีนาคมแล้วนั้น ในเดือนเมษายนก็มีความเป็นไปได้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาได้บ้าง หากนักลงทุนบางกลุ่มที่เคยเลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหันมาเลือกลงทุนในตราสารหนี้ประเภทอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอย่างหุ้นกู้ภาคเอกชน เป็นต้น
นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย หรือ Thai BMA เปิดเผยว่า ปีนี้คาดว่าการซื้อขายในตลาดตราสารหนี้จะเพิ่มขึ้น 50% จากปีก่อนเป็น 900,000 ล้านบาท โดยไตรมาสแรกมีมูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้รวม 3 แสนล้านบาท และระหว่างปีคาดว่าจะพุ่งขึ้นไปอีก 150,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาซื้อขายระยะสั้น ขณะที่ตลาดต้องการให้มีการซื้อขายตราสารหนี้ระยะยาว
ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้คิดเป็น 70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ภายใน 3-5 ปีนี้ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 80% โดยส่วนใหญ่เป็นพันธบัตรรัฐบาล มีตราสารหนี้เอกชนน้อยมาก คาดว่าจะมีปัญหาเรื่องราคาเป็นประเด็นหลักเท่านั้น
นายนิวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ผลิตภัณฑ์ตราสารหนี้ใหม่ที่จะออกในไตรมาส 2 นี้จะมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นเช่น พันธบัตรที่จ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับเงินเฟ้อ ซึ่งกระทรวงการคลังจะออกเป็นครั้งแรกเป็นพันธบัตรอายุ 50 ปี รวมถึงพันธบัตรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุน
"ความต้องการลงทุนยังมีอยู่ระดับสูง เนื่องจากสภาพคล่องในประเทศยังเหลือจำนวนมาก ส่วนหนึ่งจะมีเงินไหลกลับเข้ามาจากกองทุนลงทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ที่ครบอายุจำนวนหลายแสนล้านบาท รวมถึงเงินไหลเข้ามาจากนักลงทุนต่างชาติ ทำให้มีปริมาณเงินในระบบมากเพียงพอที่จะไม่ทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่องตึงตัว แม้ภาครัฐและภาคเอกชนจะออกมาระดมทุนพร้อมกัน" นายนิวัฒน์ กล่าว
นายนิวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของหุ้นกู้ไตรมาส 2 จะเห็นการออกหุ้นกู้เพิ่มขึ้น 30,000 - 40,000 ล้านบาท เนื่องจากทิศทางแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นทำให้บริษัทจดทะเบียนที่มีแผนออกหุ้นกู้อยู่แล้ว คงจะเร่งออกให้ทันก่อนที่ดอกเบี้ยจะปรับขึ้นแรงในช่วงที่เหลือของปีนี้จากที่คาดการณ์ว่าดอกเบี้ยนโยบายจะเพิ่มขึ้นอีก 0.5 - 1% ในสิ้นปีนี้
ขณะเดียวกันในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมามีการออกหุ้นกู้แล้วประมาณกว่า 13,000 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีความเป็นไปได้สูงที่มูลค่าการออกหุ้นกู้ในปีนี้จะสูงกว่าเป้าหมายที่ Thai BMA คาดการณ์ไว้ที่วงเงิน 4 แสนล้านบาท หากบริษัทจดทะเบียนมีแผนลงทุนมากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มพลังงาน ซึ่งมักออกหุ้นกู้วงเงินก้อนใหญ่มากด้วย
ทั้งนี้ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยรายงานแนวโน้มตลาดตราสารหนี้เดือนเมษายนว่า เนื่องจากในเดือนเมษายนมีวันหยุดยาวหลายวัน ดังนั้นหากยังไม่มีปัจจัยบวกอื่นเข้ามา การซื้อขายในตลาดตราสารหนี้น่าจะยังคงนิ่งๆ ต่อเนื่องเหมือนในช่วงเดือนมีนาคม ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวลดลงมาในช่วงเดือนมีนาคมแล้วนั้น ในเดือนเมษายนก็มีความเป็นไปได้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาได้บ้าง หากนักลงทุนบางกลุ่มที่เคยเลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหันมาเลือกลงทุนในตราสารหนี้ประเภทอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอย่างหุ้นกู้ภาคเอกชน เป็นต้น
