ASTVผู้จัดการรายวัน - ThaiBMA เผยปีนี้ตลาดตราสารหนี้คึกคัก กระทรวงการคลังเตรียมออกพันธบัตรใหม่เพิ่มอีก 453,500 ล้านบาท คาดไตรมาสแรก คลอดพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว อายุ 50 ปี วงเงิน 4,500 ล้านบาท และครั้งแรกกับการออก พันธบัตรรัฐบาลที่อ้างอิงกับอัตราเงินเฟ้อมีอายุ 7 ปี ในวงเงิน 9,000 ล้านบาท ด้านหุ้นกู้ออกใหม่คาดกลุ่มบิ๊กแค๊ประดมทุนอีกประมาณ 300,000 ล้านบาท
นางสายชล ลิสวัสดิ์ ฝ่ายวิจัยและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ หรือ ThaiBMA เปิดถึงการคาดการณ์ภาวะตลาดตราสารหนี้นี้ในปีนี้ว่าตราสารหนี้ออกใหม่ในตลาดแรก คาดว่า จะมี พันธบัตรรัฐบาล ประเภท Loan Bond (LB) ออกใหม่อีกประมาณ 453,500 ล้านบาท ตามประกาศกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าปีงบประมาณที่ผ่านมา ทั้งนี้ รัฐบาลจะออกพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว อายุ 50 ปี ในช่วงไตรมาสแรกของปีในวงเงินประมาณ 4,500 ล้านบาท และนอกจากนี้แล้ว ยังจะมีการออกพันธบัตรรัฐบาลที่อ้างอิงกับอัตราเงินเฟ้อเป็นครั้งแรกอีกด้วย โดยมีอายุ 7 ปี ในวงเงินประมาณ 9,000 ล้านบาท
ส่วนการออกตราสารหนี้ภาคเอกชน ที่เป็นหุ้นกู้นั้น จากการสำรวจธุรกิจที่รับจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ทำให้ ยอดการออกหุ้นกู้ในปี 2554 น่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2553 คืออยู่ที่ ประมาณ 300,000 ล้านบาท โดยกลุ่มของบริษัทขนาดใหญ่ (BigCap) น่าจะกลับมามีบทบาทในการออกหุ้นกู้มากขึ้น เพื่อระดมเงินทุนไปใช้ในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้นไปจากเดิม ซึ่งจะทำให้ต้นทุนของการออกหุ้นกู้เพิ่มขึ้น
ด้านมูลค่าการซื้อขายในตลาดรอง มูลค่าการซื้อขายจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ไปจากปี 2553 อีกประมาณ 10% ทั้งนี้ในปี 2554 จะมีทั้งปัจจัยทีค่อยผลักดัน และกดดันตลาดตราสารหนี้อยู่ 2 เรื่องหลักๆ คือ เม็ดเงินจากต่างชาติ ที่จะยังคงไหลเข้าสู่ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียอีกเป็นจำนวนมากอยู่เช่นเดิม ซึ่งจะมีผลช่วยผลักดันให้มูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ภาวะดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น จะกลายมาเป็นปัจจัยที่คอยกดดันให้มูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้ขยายตัวได้ไม่มากเท่าที่ควร
ขณะเดียวกันทิศทางของอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศคาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปอีกประมาณ 50 - 100 basis point และจะส่งผลทำให้ R/P 1 วัน ในปี 2554 เคลื่อนไหวอยู่ในช่วงประมาณ 2.50% - 3.00%โดยสาเหตุของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น ก็เพื่อควบคุมและรักษาเสถียรภาพทางด้านราคาของสินค้าและบริการทั่วไป จากภาวะเงินเฟ้อที่จะปรับตัวสูงขึ้น ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยที่ดีขึ้น
นางสายชล ลิสวัสดิ์ ฝ่ายวิจัยและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ หรือ ThaiBMA เปิดถึงการคาดการณ์ภาวะตลาดตราสารหนี้นี้ในปีนี้ว่าตราสารหนี้ออกใหม่ในตลาดแรก คาดว่า จะมี พันธบัตรรัฐบาล ประเภท Loan Bond (LB) ออกใหม่อีกประมาณ 453,500 ล้านบาท ตามประกาศกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าปีงบประมาณที่ผ่านมา ทั้งนี้ รัฐบาลจะออกพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว อายุ 50 ปี ในช่วงไตรมาสแรกของปีในวงเงินประมาณ 4,500 ล้านบาท และนอกจากนี้แล้ว ยังจะมีการออกพันธบัตรรัฐบาลที่อ้างอิงกับอัตราเงินเฟ้อเป็นครั้งแรกอีกด้วย โดยมีอายุ 7 ปี ในวงเงินประมาณ 9,000 ล้านบาท
ส่วนการออกตราสารหนี้ภาคเอกชน ที่เป็นหุ้นกู้นั้น จากการสำรวจธุรกิจที่รับจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ทำให้ ยอดการออกหุ้นกู้ในปี 2554 น่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2553 คืออยู่ที่ ประมาณ 300,000 ล้านบาท โดยกลุ่มของบริษัทขนาดใหญ่ (BigCap) น่าจะกลับมามีบทบาทในการออกหุ้นกู้มากขึ้น เพื่อระดมเงินทุนไปใช้ในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้นไปจากเดิม ซึ่งจะทำให้ต้นทุนของการออกหุ้นกู้เพิ่มขึ้น
ด้านมูลค่าการซื้อขายในตลาดรอง มูลค่าการซื้อขายจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ไปจากปี 2553 อีกประมาณ 10% ทั้งนี้ในปี 2554 จะมีทั้งปัจจัยทีค่อยผลักดัน และกดดันตลาดตราสารหนี้อยู่ 2 เรื่องหลักๆ คือ เม็ดเงินจากต่างชาติ ที่จะยังคงไหลเข้าสู่ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียอีกเป็นจำนวนมากอยู่เช่นเดิม ซึ่งจะมีผลช่วยผลักดันให้มูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ภาวะดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น จะกลายมาเป็นปัจจัยที่คอยกดดันให้มูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้ขยายตัวได้ไม่มากเท่าที่ควร
ขณะเดียวกันทิศทางของอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศคาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปอีกประมาณ 50 - 100 basis point และจะส่งผลทำให้ R/P 1 วัน ในปี 2554 เคลื่อนไหวอยู่ในช่วงประมาณ 2.50% - 3.00%โดยสาเหตุของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น ก็เพื่อควบคุมและรักษาเสถียรภาพทางด้านราคาของสินค้าและบริการทั่วไป จากภาวะเงินเฟ้อที่จะปรับตัวสูงขึ้น ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยที่ดีขึ้น
