เริ่มต้นปี 2555 มาได้แค่หนึ่งเดือนแวดวงธุรกิจกองทุนรวมก็เริ่มคึกคักหลังจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) หลายแห่งเริ่มเปิดเผยแผนการดำเนินงานในปีนี้รวมถึงการวางโพซิชันนิ่งของบริษัทว่าจะออกมารูปแบบไหน เช่นเน้นการเติบโตทางทรัพย์สินสุทธิ (AUM) ออกสินทรัพย์ที่ใกล้เคียงกับการฝากเงิน หรือจะเป็นบลจ.ทางเลือกให้กับนักลงทุนเป็นต้น และสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเริ่มต้นปีก็คงหนีไม่พ้นการปรับเปลี่ยนโยกย้ายผู้บริหารบลจ.รวมถึงทีมงานผู้จัดการกองทุน
ประเดิมคนแรกของปีมังกรน้ำคือ เจษฎา สุขทิศ เข้าดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) รับผิดชอบดูแลทีมผู้จัดการกองทุน ทีมวิจัย และทีมค้าหลักทรัพย์ สำหรับการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ อนุพันธ์ และการลงทุนในต่างประเทศ โดยก่อนหน้านี้นั่งเป็น ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้และบริหารเงิน บลจ.ไทยพาณิชย์ ซึ่งรับผิดชอบหน่วยงานด้านการลงทุนตราสารหนี้ระยะยาว ประเภท Active รับผิดชอบดูแลทีมผู้จัดการกองทุนในการบริหารสินทรัพย์ประมาณ 1 แสนล้านบาท
ถัดมาคือ ต่อ อินทวิวัฒน์ เคยดำรงตำแหน่งเป็น ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ด้วยตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
โดยเขาได้ให้เหตุผลการเข้ามาร่วมงานกับในครั้งนี้ว่า การตัดสินใจเข้ามาร่วมงานกับ บลจ. แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) ในครั้งนี้ ด้วยเหตุผลหลัก คือ ความท้าทายบนความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของบริษัทในประเทศไทย จากการที่กลุ่ม บลจ. แมนูไลฟ์ (Manulife Asset Management) มีทีมผู้จัดการกองทุนและทีมงานนักวิเคราะห์กระจายอยู่ใน 10 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียทำให้ได้รับการแลกเปลี่ยนข้อมูลจากผู้ที่มีความชำนาญจากแต่ละประเทศอันเป็นประโยชน์ต่อการบริหารกองทุนด้วยความพร้อมทางด้านทีมงานการลงทุนที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลกจึงเป็นจุดแข็งสำคัญของบริษัทที่จะช่วยให้สามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้มีความหลากหลายและน่าสนใจ อันจะเป็นส่วนช่วยให้เราสามารถประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยได้ในอนาคตข้างหน้านี้
ทางด้าน อำพล โพธิ์โลหะกุล ประธานกรรมการบริหาร บลจ. กสิกรไทย จำกัด ที่ก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และรองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย โดยการเข้ามาทำงานที่บลจ.กสิกรไทยนี้ อำพล ตั้งเป้าว่า จะครองส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 ของธุรกิจกองทุนรวมต่อไป โดยตั้งเป้าการขยายตัวในปี 2555 ที่ 22% หรือเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (AUM) ให้ได้ถึง 9 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ แบ่งเป็นการเติบโตของกองทุนรวมประมาณ 29% กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคลเติบโตที่ 15% และ 10% โดยในปีนี้บริษัทจะเน้นกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้แนวคิด“กองทุนกสิกรไทย...กองทุนสำหรับคนคิดบวก” โดยมุ่งตอบโจทย์ของลูกค้าที่ต้องการสร้างความมั่งคั่ง ควบคู่กับความมั่นคงทางอนาคตการเงิน ด้วยผลิตภัณฑ์กองทุนที่พร้อมจัดสรรเงินลงทุน (Asset Allocation) และกระจายการลงทุน (Asset Diversification)
นอกจากนี้ยังเน้นการทำงานร่วมกับสาขาของธนาคารกสิกรไทยและลูกค้ารายย่อยมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้ารายย่อยซึ่งจะต้องได้รับคำปรึกษาการลงทุนจากสาขาของธนาคารเพื่อความเข้าใจในการลงทุนและสินค้าที่นำเสนอได้เป็นอย่างดี
ขณะที่บลจ.น้องใหม่อย่าง เมย์แบงก์ กิมเอ็งก็ได้ดึง ไววิทย์ อุทัยเฉลิม มานั่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) พร้อมกับทีมงานผู้จัดการกองทุนนำโดย นกุล ไชยนิลซึ่งก่อนที่หน้านี้เไปดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ บลจ.ซีมีโก้ จำกัด เมื่อปีที่ผานมา ซึ่งก่อนหน้านี้เขาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ต่อมาย้ายมาเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.บีที และย้ายไปเป็นรองกรรมการผู้จัดการ บริษัทเพลินจิต แคปปิตอล จำกัด
โดย ไววิทย์ ตั้งเป้าแผนการบริหารในปี 2555โดยมีแผนเพิ่มกองทุนให้ครอบคลุมทุกตลาดให้มากที่สุด ซึ่งตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ หรือ AUM ในช่วงครึ่งปีแรกรวม 5,000 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีจะมียอด AUM ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท รวมถึงการทำธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคล รวมถึงตั้งเป้าผลตอบแทนของกองทุนหุ้น 3 ปีติดอันดับ 1 ใน 5 และ 5 ปีติดอันดับ 1 ใน 3 ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์เราตั้งเป้าไว้ ว่าภายใน 5 ปี สินทรัพย์ในส่วนกองทุนอสังหาฯต้องเป็นที่ 1อีกด้วย
และล่าสุดกับบลจ.วรรณ ที่ดึง วิน อุดมรัชตวนิชย์ มานั่ง รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการลงทุน โดยก่อนหน้านี้เขาดำรง รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.แอสเซท พลัส ทั้งนี้การเข้ามาของ วิน เป็นการเสริมทัพผู้จัดการกองทุน และสายงานลงทุนของบลจ.วรรณ หลังจากผู้บริหารและผู้จัดการกองทุนของบลจ.วรรณหลายคนได้ลาออกไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้คงต้องติดตามดูว่าจะมีการเปิดตัวผู้บริหารใหม่จากฝั่งบลจ.แอสเซทพลัส เร็วๆนี้หรือไม่ รวมถึงบลจ.อื่นๆว่าจะมีการเสริมทัพทีมงานผู้บริหารและทีมผู้จัดการกองทุนใหม่หรือไม่ เพื่อรองรับการขยายการเติบโตของธุรกิจกองทุรวม
สำหรับปี 2554 ที่ผ่านมานั้นแวดวงธุรกิจกองทุนรวมก็มีการเปลี่ยนแปลงไปพอสมควรเช่นกันมีการโยกย้ายทั้งตัวผู้จัดการกองทุน ผู้บริหาร ซึ่งอาจจะมีการย้ายไปเป็นทีมงานรวมถึงการย้ายไปแบบตัวบุคคลอีกด้วย เริ่มกันที่ ประภา ปูรณโชติ ที่มารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี โดยก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บลจ.กรุงไทย ขณะที่อดีตผู้บริหารบลจ.เอ็มเอฟซีอย่าง พิชิต อัคราทิตย์ มาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบลจ.เกียรตินาคิน เช่นเดียวกันกับ ศุภกร สุนทรกิจ ที่เข้ามารับกรรมการผู้จัดการ บลจ.เกียรตินาคิน ขณะที่ ธีรพันธุ์ จิตตาลาน ที่นั่งกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ฟินันซ่า จำกัด ซึ่งก่อนหน้านี้เขาดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บลจ.นครหลวงไทย และเคยดำรงตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานจัดการลงทุน บลจ.กรุงไทยด้วยเช่นกัน
ประเดิมคนแรกของปีมังกรน้ำคือ เจษฎา สุขทิศ เข้าดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) รับผิดชอบดูแลทีมผู้จัดการกองทุน ทีมวิจัย และทีมค้าหลักทรัพย์ สำหรับการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ อนุพันธ์ และการลงทุนในต่างประเทศ โดยก่อนหน้านี้นั่งเป็น ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้และบริหารเงิน บลจ.ไทยพาณิชย์ ซึ่งรับผิดชอบหน่วยงานด้านการลงทุนตราสารหนี้ระยะยาว ประเภท Active รับผิดชอบดูแลทีมผู้จัดการกองทุนในการบริหารสินทรัพย์ประมาณ 1 แสนล้านบาท
ถัดมาคือ ต่อ อินทวิวัฒน์ เคยดำรงตำแหน่งเป็น ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ด้วยตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
โดยเขาได้ให้เหตุผลการเข้ามาร่วมงานกับในครั้งนี้ว่า การตัดสินใจเข้ามาร่วมงานกับ บลจ. แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) ในครั้งนี้ ด้วยเหตุผลหลัก คือ ความท้าทายบนความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของบริษัทในประเทศไทย จากการที่กลุ่ม บลจ. แมนูไลฟ์ (Manulife Asset Management) มีทีมผู้จัดการกองทุนและทีมงานนักวิเคราะห์กระจายอยู่ใน 10 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียทำให้ได้รับการแลกเปลี่ยนข้อมูลจากผู้ที่มีความชำนาญจากแต่ละประเทศอันเป็นประโยชน์ต่อการบริหารกองทุนด้วยความพร้อมทางด้านทีมงานการลงทุนที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลกจึงเป็นจุดแข็งสำคัญของบริษัทที่จะช่วยให้สามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้มีความหลากหลายและน่าสนใจ อันจะเป็นส่วนช่วยให้เราสามารถประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยได้ในอนาคตข้างหน้านี้
ทางด้าน อำพล โพธิ์โลหะกุล ประธานกรรมการบริหาร บลจ. กสิกรไทย จำกัด ที่ก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และรองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย โดยการเข้ามาทำงานที่บลจ.กสิกรไทยนี้ อำพล ตั้งเป้าว่า จะครองส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 ของธุรกิจกองทุนรวมต่อไป โดยตั้งเป้าการขยายตัวในปี 2555 ที่ 22% หรือเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (AUM) ให้ได้ถึง 9 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ แบ่งเป็นการเติบโตของกองทุนรวมประมาณ 29% กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคลเติบโตที่ 15% และ 10% โดยในปีนี้บริษัทจะเน้นกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้แนวคิด“กองทุนกสิกรไทย...กองทุนสำหรับคนคิดบวก” โดยมุ่งตอบโจทย์ของลูกค้าที่ต้องการสร้างความมั่งคั่ง ควบคู่กับความมั่นคงทางอนาคตการเงิน ด้วยผลิตภัณฑ์กองทุนที่พร้อมจัดสรรเงินลงทุน (Asset Allocation) และกระจายการลงทุน (Asset Diversification)
นอกจากนี้ยังเน้นการทำงานร่วมกับสาขาของธนาคารกสิกรไทยและลูกค้ารายย่อยมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้ารายย่อยซึ่งจะต้องได้รับคำปรึกษาการลงทุนจากสาขาของธนาคารเพื่อความเข้าใจในการลงทุนและสินค้าที่นำเสนอได้เป็นอย่างดี
ขณะที่บลจ.น้องใหม่อย่าง เมย์แบงก์ กิมเอ็งก็ได้ดึง ไววิทย์ อุทัยเฉลิม มานั่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) พร้อมกับทีมงานผู้จัดการกองทุนนำโดย นกุล ไชยนิลซึ่งก่อนที่หน้านี้เไปดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ บลจ.ซีมีโก้ จำกัด เมื่อปีที่ผานมา ซึ่งก่อนหน้านี้เขาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ต่อมาย้ายมาเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.บีที และย้ายไปเป็นรองกรรมการผู้จัดการ บริษัทเพลินจิต แคปปิตอล จำกัด
โดย ไววิทย์ ตั้งเป้าแผนการบริหารในปี 2555โดยมีแผนเพิ่มกองทุนให้ครอบคลุมทุกตลาดให้มากที่สุด ซึ่งตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ หรือ AUM ในช่วงครึ่งปีแรกรวม 5,000 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีจะมียอด AUM ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท รวมถึงการทำธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคล รวมถึงตั้งเป้าผลตอบแทนของกองทุนหุ้น 3 ปีติดอันดับ 1 ใน 5 และ 5 ปีติดอันดับ 1 ใน 3 ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์เราตั้งเป้าไว้ ว่าภายใน 5 ปี สินทรัพย์ในส่วนกองทุนอสังหาฯต้องเป็นที่ 1อีกด้วย
และล่าสุดกับบลจ.วรรณ ที่ดึง วิน อุดมรัชตวนิชย์ มานั่ง รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการลงทุน โดยก่อนหน้านี้เขาดำรง รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.แอสเซท พลัส ทั้งนี้การเข้ามาของ วิน เป็นการเสริมทัพผู้จัดการกองทุน และสายงานลงทุนของบลจ.วรรณ หลังจากผู้บริหารและผู้จัดการกองทุนของบลจ.วรรณหลายคนได้ลาออกไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้คงต้องติดตามดูว่าจะมีการเปิดตัวผู้บริหารใหม่จากฝั่งบลจ.แอสเซทพลัส เร็วๆนี้หรือไม่ รวมถึงบลจ.อื่นๆว่าจะมีการเสริมทัพทีมงานผู้บริหารและทีมผู้จัดการกองทุนใหม่หรือไม่ เพื่อรองรับการขยายการเติบโตของธุรกิจกองทุรวม
สำหรับปี 2554 ที่ผ่านมานั้นแวดวงธุรกิจกองทุนรวมก็มีการเปลี่ยนแปลงไปพอสมควรเช่นกันมีการโยกย้ายทั้งตัวผู้จัดการกองทุน ผู้บริหาร ซึ่งอาจจะมีการย้ายไปเป็นทีมงานรวมถึงการย้ายไปแบบตัวบุคคลอีกด้วย เริ่มกันที่ ประภา ปูรณโชติ ที่มารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี โดยก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บลจ.กรุงไทย ขณะที่อดีตผู้บริหารบลจ.เอ็มเอฟซีอย่าง พิชิต อัคราทิตย์ มาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบลจ.เกียรตินาคิน เช่นเดียวกันกับ ศุภกร สุนทรกิจ ที่เข้ามารับกรรมการผู้จัดการ บลจ.เกียรตินาคิน ขณะที่ ธีรพันธุ์ จิตตาลาน ที่นั่งกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ฟินันซ่า จำกัด ซึ่งก่อนหน้านี้เขาดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บลจ.นครหลวงไทย และเคยดำรงตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานจัดการลงทุน บลจ.กรุงไทยด้วยเช่นกัน