นักวิเคราะห์กองทุนรวม แนะนักลงทุนลงทุนในทองคำและสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ เหตุครึ่งปีแรกสินทรัพย์เสี่ยงยังผันผวนหลังปัญหาหนี้ยุโรโซนยังไม่ชัดเจน และเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังไม่ฟื้นตัว
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มราคาสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ หลัง FED ยังคงผ่อนคลายนโยบายการเงินไปจนถึงปี 2557 เพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวต่อไปได้ และทำให้สภาพคล่องไหลกลับเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้ำโภคภัณฑ์อย่างทองคำที่ได้รับผลดีไปเต็มๆ ราคาปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้านสำคัญมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบ 1,750 - 1,800 US$/oz. ได้
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในยุโรปยังไม่แน่นอน เรากำลังรอดูบทสรุปการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ที่คาดว่าจะรู้ผลในไม่ช้านี้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ายุโรปจะรอดพ้นจากวิกฤตหนี้ครั้งนี้แล้ว หากเรากลับไปดูอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของโปรตุเกสที่กำลังปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความกังวลที่ว่ามีความเป็นไปได้ที่โปรตุเกสอาจเลียนแบบกรีซ ในการขอเจรจาลดหนี้กับเจ้าหนี้เอกชน นอกจากนี้ ยิ่งการเจรจาระหว่างกรีซและเจ้าหนี้ยืดเยื้อต่อไปก็จะยิ่งสร้างความกังวลเพิ่มขึ้น ทำให้เรายังคาดว่าครึ่งปีแรกของปี 2555 ราคาสินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสที่จะต้องเผชิญกัลความผันผวนอยู่ ดังนั้นเราจึงแนะนำให้ทยอยลดพอร์ตการลงทุนลงเพื่อรับความผันผวนในระยะกลาง ซึ่งหากนักลงทุนลดพอร์ตแล้วให้รอดูสถานการณ์ไปก่อน สำหรับเงินใหม่ที่จะนำมาลงทุนเราคงคำแนะนำให้ลงทุนพักเงินใน Money Market Fund ก่อน
โดยกองทุนตลาดเงินที่แนะนำยังเป็นPCASH ของ บลจ. ฟิลลิป และรอจังหวะความผันผวนเพื่อเก็บสะสมกองทุนที่ลงทุนในตลาดเกิดใหม่เป็นหลัก สำหรับการลงทุนระยะยาวโดยกองทุนรวมที่เราแนะนำได้แก่ ABAPAC (Aberdeen Asia Pacific ex Japan), T-Global Bond ของ บลจ. ธนชาต และกองทุนทองคำ T-Gold Bullion-H ของ บลจ. ธนชาต ที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับนักลงทุนกองทุน LTF สัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์แรกที่เริ่มงดการซื้อและสับเปลี่ยนเข้ากองทุน KSDLTF แต่การสับเปลี่ยนออกยังคงทำได้ อย่างไรก็ตามเราแนะนำให้นักลงทุนอยู่ใน KSDLTF ไปก่อน และสับเปลี่ยนออกเมื่อมีโอกาส
ทั้งนี้ เรายังคงต้องเน้นย้ำให้ระมัดระวังความผันผวน ท่ามกลางความไม่แน่นอนของปัญหาหนี้ยุโรป และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยช่วงต้นสัปดาห์ราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้รับแรงหนุนจากการขยายเวลาผ่อนคลายนโยบายการเงิน คงอัตราดอกเบี้ยต่ำใกล้ 0%(0 - 0.25%) ไปจนถึงปี 2557 และตลาดความคาดหวังว่าจะได้เห็นบทสรุปของการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ระหว่าง กรีซ และเจ้าหนี้เอกชน
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ออกมาน่าผิดหวัง ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นเป็น 377,000 ราย มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในไตรมาส 4/54 ออกมา 2.8% ต่ำกว่าที่คาดกันไว้ที่ 3%นอกจากนี้ การเจรจาระหว่างกรีซ และเจ้าหนี้เอกชนยังไม่ได้ข้อสรุป ทำให้นักลงทุนกลับมากังวลอีกครั้ง ขณะที่ Fitch ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศยุโรป (อิตาลี, สเปน, เบลเยียม, สโลวีเนีย และไซปรัส)
นอกจากนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา FED ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0 - 0.25% ต่อไปอีกจนถึงปี 2557 ซึ่งทำให้แนวโน้มค่าเงินดอลล่าร์ในระยะยาวคาดว่าจะอ่อนค่าลงอีก และมีความคาดหวังว่าจะได้เห็นมาตรการ QE เพิ่มเติม เป็นตัวกระตุ้นให้นักลงทุนกลับมาสนในสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น ดันราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงอีกสัปดาห์โดยวันศุกร์ราคาทองคำปิดที่ 1,737.20 US$/oz. (+4.25% WoW) อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังคงทรงตัวแถวระดับ 100 US$/bbl. ตามเดิม โดยปัจจัยหลักยังคงเป็นความขัดแย้งระหว่างชาติตะวันตก กับอิหร่านภาวะตลาดประจำสัปดาห์