xs
xsm
sm
md
lg

ครึ่งปีแรกลงทุนน้ำมันยังเสี่ยง ผลพวงปัญหายุโรป-จีนชะลอตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ. บัวหลวง ประเมินครึ่งปีแรก ราคาน้ำมันยังเสี่ยงหลังเจอปัญหายุโรปถดถอย ขณะที่จีนเองชะลอตัวใช้น้ำมันเช่นกัน ชี้ลงทุนหุ้นเกี่ยวกับน้ำมันยังเดาทิศทางยากหลังเจอมรสุมเศรษฐกิจโลก

รายงานบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า โอกาสที่น้ำมันจะราคาพุ่งสูงขึ้นจากระดับปัจจุบันมีไม่มาก ล่าสุดราคาน้ำมัน Brent และ Dubai อยู่บริเวณ $110/บาร์เรล ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนี้มาจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง และความเสี่ยงจากปัญหาหนี้สาธารณะยุโรปที่จะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มอียูชะลอตัวลงจนอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ในปีนี้

ทั้งนี้เป็นความเสี่ยงด้านลบสำหรับราคาน้ำมัน อีกทั้งเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันก็ได้มีการชะลอตัวลง และทางการจีนยังกำหนดราคาขายน้ำมันภายในประเทศใหม่ ส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคต้องรับภาระราคาน้ำมันที่สูงขึ้น รวมทั้งการหมดเวลาให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก ส่งผลให้อัตราการเติบโตของปริมาณการใช้น้ำมันของจีนลดลงจากร้อยละ 9 y-y ในไตรมาส 1 ของปีที่ผ่านมา เหลือเพียงร้อยละ 1.5 y-y ในไตรมาส 3

ด้าน OPEC รายงานว่า ความต้องการใช้น้ำมันและกำลังผลิตของประเทศนอกกลุ่มโอเปคในปีนี้ จะเพิ่มขึ้นในระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งจะทำให้ OPEC ยังคงโควตาการผลิตในระดับเดิมที่ประมาณ 30 mb/d ได้ นอกจากนี้ ลิเบียก็กำลังอยู่ในช่วงทยอยกลับมาส่งออกน้ำมันได้มากขึ้นซี่งจะส่งผล ให้ Spare Capacity ในกลุ่ม OPEC เพิ่มขึ้นจาก 3mb/d เป็น 4.1 mb/d จึงเป็นแนวโน้มที่จะมีอุปทานน้ำมันเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ในครึ่งแรกของปีนี้ ราคาน้ำมันจึงมีความเสี่ยงในด้านลบมากกว่าด้านบวก แต่โอกาสที่จะทำให้ราคาน้ำมันจะปรับเพิ่มขึ้นก็มีอยู่เหมือนกัน ซึ่งได้แก่ปัญหาความตึงเครียดของประเทศอิหร่าน แต่ ณ ปัจจุบัน คาดว่าความเสี่ยงดังกล่าวไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการผลิต นอกจากนี้ ถ้าการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะยุโรปมีความชัดเจนขึ้น ก็จะส่งผลทางจิตวิทยาต่อนักลงทุน และเป็นผลดีต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงทุกประเภท รวมทั้งน้ำมันดิบด้วย

ขณะเดียวกัน ในระยะยาว ราคาน้ำมันไม่น่าจะเพิ่มขึ้นไปได้มากเกิน $110/บาร์เรล ได้ต่อเนื่องยาวนาน (ระยะสั้นอาจจะเป็นไปได้) เพราะราคาน้ำมันที่ระดับนั้นจะทำให้ผู้ผลิตที่มีต้นทุนสูงทุกแหล่งผลิตสามารถไปถึงจุดคุ้มค่าทางเศรษฐกิจที่จะผลิตน้ำมัน ซึ่งจะทำให้มีอุปทานน้ำมันใหม่ๆ เข้ามาในตลาดมากขึ้น อีกทั้งท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนแอเช่นปัจจุบัน ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นจะส่งผลทางลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ และทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันลดน้อยลง

นอกจากนี้ ในแง่ของแนวทางการลงทุนในหุ้น เนื่องจากว่าเราไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางราคาน้ำมันได้อย่างแม่นยำดังนั้น การลงทุนระยะยาวในหุ้นที่เกี่ยวกับน้ำมัน รวมทั้งหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ จึงมีความเสี่ยงตามความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ทำให้คาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการได้ไม่ง่ายนัก แต่การประเมินแนวโน้มอุปสงค์-อุปทานในภาพรวม ประกอบกับความเข้าใจถึงโครงสร้างต้นทุนและความสามารถในการผลิตในอนาคตของแต่ละบริษัท ก็พอจะทำให้เราสามารถเลือกจังหวะในการเข้าลงทุนบริษัทด้านพลังงานได้บ้าง
กำลังโหลดความคิดเห็น