xs
xsm
sm
md
lg

บัวหลวงชี้ราคาน้ำมันส่อนิ่ง เหตุวิกฤตหนี้ยุโรปยังกดดัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ. บัวหลวง เผยครึ่งปีแรกราคาน้ำมันเฉลี่ย ในด้านลบมากกว่าด้านบวก หลังเจอปัญหาหนี้สาธารณะยุโรป ส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มอียูชะลอตัวลง ด้านจีนเตรียมปรับราคาน้ำมันใหม่ ส่งผลต่อผู้บริโภค ระบุการลงทุนยังคาดการณ์ได้ แต่เลือกดูจังหวะที่เหมาะสมได้

รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า มุมมองของราคาน้ำมันในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้านี้ ทีมวิเคราะห์ของ บลจ.บัวหลวงมองว่า โอกาสที่น้ำมันจะราคาพุ่งสูงขึ้นจากระดับปัจจุบันมีไม่มาก ล่าสุดราคาน้ำมัน Brent และ Dubai อยู่บริเวณ $110/บาร์เรล

ทั้งนี้ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจาก แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง และความเสี่ยงจากปัญหาหนี้สาธารณะยุโรปที่จะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มอียูชะลอตัวลง จนอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ในปี 2012 เป็นความเสี่ยงด้านลบสำหรับราคาน้ำมัน อีกทั้งเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันก็ได้มีการชะลอตัวลง และทางการจีนยังกำหนดราคาขายน้ำมันภายในประเทศใหม่ ส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคต้องรับภาระราคาน้ำมันที่สูงขึ้น รวมทั้งการหมดเวลาให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก ส่งผลให้อัตราการเติบโตของปริมาณการใช้น้ำมันของจีนลดลงจาก 9% y-y ในไตรมาส 1/2011 เหลือเพียง 1.5% y-y ในไตรมาส 3

ขณะเดียวกัน OPEC ได้รายงานว่า ความต้องการใช้น้ำมันและกำลังผลิตของประเทศนอกกลุ่มโอเปคในปี 2012 จะเพิ่มขึ้นในระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งจะทำให้ OPEC ยังคงโควตาการผลิตในระดับเดิมที่ประมาณ 30 mb/d ได้ นอกจากนี้ ลิเบียก็กำลังอยู่ในช่วงทยอยกลับมาส่งออกน้ำมันได้มากขึ้น ซี่งจะส่งผลให้ Spare Capacity ในกลุ่ม OPEC เพิ่มขึ้นจาก 3mb/d เป็น 4.1 mb/d จึงเป็นแนวโน้มที่จะมีอุปทานน้ำมันเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

โดยในครึ่งแรกของปี 2012 ราคาน้ำมันจึงมีความเสี่ยงในด้านลบมากกว่าด้านบวก แต่โอกาสที่จะทำให้ราคาน้ำมันจะปรับเพิ่มขึ้นก็มีอยู่เหมือนกัน ซึ่งได้แก่ ปัญหาความตึงเครียดของประเทศอิหร่าน แต่ ณ ปัจจุบัน คาดว่า ความเสี่ยงดังกล่าว ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการผลิต นอกจากนี้ ถ้าการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะยุโรปมีความชัดเจนขึ้น ก็จะส่งผลทางจิตวิทยาต่อนักลงทุน และเป็นผลดีต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงทุกประเภท รวมทั้งน้ำมันดิบด้วย

นอกจากนี้ ในระยะยาว ราคาน้ำมันไม่น่าจะเพิ่มขึ้นไปได้มากเกิน $110/บาร์เรล ได้ต่อเนื่องยาวนาน ระยะสั้นอาจจะเป็นไปได้ เพราะราคาน้ำมันที่ระดับนั้น จะทำให้ผู้ผลิตที่มีต้นทุนสูงทุกแหล่งผลิตสามารถไปถึงจุดคุ้มค่าทางเศรษฐกิจที่จะผลิตน้ำมัน ซึ่งจะทำให้มีอุปทานน้ำมันใหม่ๆ เข้ามาในตลาดมากขึ้น อีกทั้ง ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนแอเช่นปัจจุบัน ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นจะส่งผลทางลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ และทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันลดน้อยลง

ขณะเดียวกันในแง่ของแนวทางการลงทุนในหุ้น เนื่องจากว่า เราไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางราคาน้ำมันได้อย่างแม่นยำ ดังนั้น การลงทุนระยะยาวในหุ้นที่เกี่ยวกับน้ำมัน รวมทั้งหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ จึงมีความเสี่ยงตามความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ทำให้คาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการได้ไม่ง่ายนัก แต่การประเมินแนวโน้มอุปสงค์-อุปทานในภาพรวม ประกอบกับความเข้าใจถึงโครงสร้างต้นทุนและความสามารถในการผลิตในอนาคตของแต่ละบริษัท ก็พอจะทำให้เราสามารถเลือกจังหวะในการเข้าลงทุนบริษัทด้านพลังงานได้บ้าง
กำลังโหลดความคิดเห็น