xs
xsm
sm
md
lg

เมืองไทยฯตั้งเป้าเบี้ยรับรวมโตไม่ต่ำกว่า 20%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมืองไทยประกันชีวิต ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันรับรวม โตไม่ต่ำกว่า 20% มูลค่าไม่ต่ำกว่า 45,463 ล้านบาท พร้อมเสริมทัพตัวแทนดันยอดเป็น 3 หมื่นคน ระบุการลงทุนปีนี้ยังผันผวน เน้นความปลอยภัยในพันธบัตร และกระจายลงหุ้นไม่ให้เกิน 10%

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันรับรวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% หรือ คิดเป็นเม็ดเงินเบี้ยรับรวมไม่ต่ำกว่า 45,463 ล้านบาท โดยเน้นการเติบโตจากทุกช่องทาง ทั้งช่องทางตัวแทน ช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ ช่องทางประกันกลุ่ม และช่องทางตลาดขายตรง ซึ่งในส่วนของช่องทางตัวแทนได้ตั้งเป้าเพิ่มตัวแทนเป็น 30,000 คน จากสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 22,000 คน ซึ่งช่องทางตัวแทนได้ตั้งเป้าเบี้ยใหม่เติบโต 28% ในขณะที่ปีที่ผ่านเบี้ยใหม่จากช่องทางตัวแทนเติบโต42%

ส่วนผลประกอบการของบริษัทในปี 2554 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถผลิตเบี้ยประกันรับรวมได้ 37,886 ล้านบาท เติบโต 28% แบ่งเป็นเบี้ยประกันรับปีแรก 16,366 ล้านบาท เติบโต 25% มีเงินกองทุน 14,915 ล้านบาท มีเงินสำรองประกันชีวิต 97,597 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวมถึง 116,390 ล้านบาท และมีสินทรัพย์ลงทุน 110,624 ล้านบาท โดยมีผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 5.3% สำหรับช่องทางต่างๆ นั้น เติบโตทุกช่องทาง โดยเบี้ยปีแรกช่องทางตัวแทน เติบโต 42% ช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์เติบโต 21% ช่องทางการขายตรงเติบโต 42% และช่องทางประกันกลุ่มเติบโต 12%

“เมืองไทยประกันชีวิตถือว่าเป็นผู้นำการตลาดเพราะมีช่องทางการขายที่หลากหลาย ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทุกกลุ่ม และสามารถปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมและสอดคล้องเพื่อรองรับวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น”นายสาระกล่าว

ด้านนางภคินีนาถ ติยะชาติ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส กล่าวว่า การลงทุนในปีนี้ยังมีความผันผวนค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นภาพการลงทุนในปีนี้ยังเน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเป็นหลัก ที่ผ่านมามีการลงทุนในพันธบัตรในสัดส่วนที่ 53% สำหรับปีนี้คงอยู่ในสัดส่วนนี้เช่นกัน เน้นลงทุนพันบัตรรัฐบาลและพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปีนี้รัฐบาลจะออกพันธบัตรมาในสัดส่วนที่น้อยกว่าความต้องการของภาคเอกชน และยังไม่แนใจว่าอัตราดอกเบี้ยที่มีทิศทางลดลงจะทำให้ผลตอบแทนที่ได้จะสูงเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าหรือไม่ ซึ่งผลตอบแทนที่เหมาะสมต่อประกันชีวิตระยะยาว ต้องมากกว่า 5% ขึ้นไป ซึ่งพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุครบกำหนดอายุ 50 ปี ที่ออกมาใหม่ผลตอบแทนแค่ 4.3% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้บริษัทประกันชีวิตต้องปรับการออกผลิตภัณฑ์ระยะยาวให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและภาวะตลาดมากขึ้น

สำหรับการลงทุนในหุ้นนั้น ปีนี้ก็จะรักษาระดับไม่ให้เกิน 10% เพราะหุ้นยังมีความผันผวนมาก โดยเน้นหุ้นปัจจัยพื้นฐาน มีการจ่ายเงินปันผลดี ส่วนหุ้นกู้จะเน้นตามมาตรฐานเดิมของบริษัทที่ลงทุนในระดับ A- ขึ้นไป แม้ว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)กำหนดให้ลงทุนในระดับ BBB+ขึ้นไปก็ตาม
กำลังโหลดความคิดเห็น