ASTVผู้จัดการรายวัน-นักวิเคราะห์กองทุนรวม มองหุ้นทั่วโลกยังอ่อนไหวกับปัญหาหนี้ยุโรป แต่ระยะสั้นยังอาจเห็นสินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสฟื้นตัวหากปัญหาหนี้เสียคลี่คลายลง
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สองสัปดาห์ที่ผ่านมาข่าวร้ายจากทางยุโรปยังคงดูน่าเป็นห่วงอย่างมาก ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของอิตาลี และสเปนยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่นั่นทำให้นักลงทุนคาดหวังที่จะเห็นความคืบหน้าในการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปอย่างรวดเร็วมากขึ้น โดยอาจได้เห็นเยอรมันและฝรั่งเศสจะหาข้อสรุปร่วมกันได้ในแนวทางการแก้ปัญหายุโรป ผ่านการเพิ่มขอบเขตการทำงานของ ECB และการเพิ่มประสิทธิภาพของกองทุน EFSF ซึ่งการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป ในวันที่ 9 ธ.ค. น่าจะได้เห็นข้อสรุปของเรื่องดังกล่าว และการส่งสัญญาณต่อเสถียรภาพของสหภาพยุโรป รวมถึงความคาดหวังที่ยุโรปจะออกพันธบัตรยูโรโซนในการแก้ไขวิกฤติหนี้ครั้งนี้
ขณะที่ยอดขายในวันขอบคุณพระเจ้าเพิ่มสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เป็นสัญญาณเริ่มต้นที่ดีของฤดูจับจ่ายใช้สอยของสหรัฐ แม้ว่าจะมีความยากลำบากในการรักษาระดับยอดขาย เนื่องจากอัตราการว่างงานที่ยังสูงอยู่ ดังนั้น เราจึงมองว่าระยะสั้นราคาสินทรัพย์เสี่ยงอาจปรับขึ้นตามความคาดหวังว่าจะเห็นความคืบหน้าของการแก้ปัญหาในยุโรป และสหรัฐในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ เราคงคำแนะนำระยะสั้น “เก็งกำไร” แบบขึ้นขายลงซื้อต่อไปอีกสัปดาห์ โดยกองทุนที่แนะนำยังคงเป็นกองทุน Index Funds อย่าง ASP-S&P500 ของ บลจ. Asset Plus, กองทุน ASP-HSI ของ บลจ. Asset Plus และกองทุนน้ำมัน K-OIL และASP-OIL
อย่างไรก็ตาม เรายังต้องขอย้ำถึงความระมัดระวังในการลงทุนในช่วงนี้ ราคาสินทรัพย์เสี่ยงยังคงผันผวนรุนแรงอยู่ โดยให้จับตาพัฒนาการการแก้วิกฤตหนี้ยุโรปเป็นหลัก สำหรับนักลงทุนระยะยาวเรายังคงแนะนำให้ “Wait and see” ต่อไป ยกเว้นกองทุน T-Global Bond Fund ของ บลจ. ธนชาต ที่เราแนะนำให้เริ่มทยอย “สะสม” อีกครั้ง ซึ่งราคา NAV กองทุนปรับลดลงมาพอสมควร ขณะที่เรายังคงเชื่อมั่นในกลยุทธการลงทุนของกองทุนว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
สำหรับการลงทุนใน LTF ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทย SETระยะสั้นติดแนวต้านสำคัญ 1,000 จุด โอกาสผันผวนแรงยังมีสูงอยู่ เรามองว่าเป็นการดีที่จะรอจังหวะสะสมเมื่อดัชนีปรับลดลง กองทุนที่เราแนะนำยังคงเป็น KFLTFDIV ของ บลจ. กรุงศรี ตามเดิม แต่ด้วยระยะเวลาการลงทุนLTF สำหรับปีนี้เหลือไม่มาก และโอกาสที่ตลาดผันผวนยังมีอยู่ เราแนะนำ KSDLTF (K-Strategic Defensive LTF) ไปก่อน และสับเปลี่ยนเมื่อเห็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนระยะยาวต่อไป
ทั้งนี้ปัญหาหนี้ยุโรปยังน่าเป็นห่วง และสร้างความกังวลเพิ่มขึ้นอีก เมื่ออัตราผลตอบแทนของอิตาลี และสเปนยังขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้นักลงทุนเริ่มกังวลว่าวิกฤติหนี้จะขยายวงลุกลามออกไปยังประเทศชั้นนำที่มีปัญหาน้อยกว่าอย่าง ฝรั่งเศส และเยอรมันโดยสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรฝรั่งเศสกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่มูดี้ส์ และ ฟิทช์ เรตติ้งส์ ออกมาเตือนถึงแนวโน้มที่ฝรั่งเศสอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงจากระดับ AAA และการประมูลพันธบัตรรัฐบาลของเยอรมันไม่ได้รับความสนใจ ผลประมูลออกมาน่าผิดหวัง แสดงให้เห็นว่านักลงทุนไม่เชื่อมั่นต่อแผนกู้วิกฤติหนี้ยุโรป ท่ามกลางความขัดแย้งของฝรั่งเศสและเยอรมันต่อแนวทางการแก้ปัญหา ตลาดหุ้นสำคัญในยุโรปต่างปรับตัวลดลง ในส่วนของทางฝั่งสหรัฐเอง แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจยังแสดงถึงการฟื้นตัวแต่ยังคงเปราะบางอยู่ และความล้มเหลวของ Super-committee ที่ไม่สามารถหาข้อตกลงในการลดยอดขาดดุล 1.2 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ ภายใน 10ปี รวมถึงการลุกลามของปัญหาหนี้ยุโรป ได้สร้างความกังวลให้นักลงทุน ทำให้สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สองสัปดาห์ที่ผ่านมาข่าวร้ายจากทางยุโรปยังคงดูน่าเป็นห่วงอย่างมาก ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของอิตาลี และสเปนยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่นั่นทำให้นักลงทุนคาดหวังที่จะเห็นความคืบหน้าในการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปอย่างรวดเร็วมากขึ้น โดยอาจได้เห็นเยอรมันและฝรั่งเศสจะหาข้อสรุปร่วมกันได้ในแนวทางการแก้ปัญหายุโรป ผ่านการเพิ่มขอบเขตการทำงานของ ECB และการเพิ่มประสิทธิภาพของกองทุน EFSF ซึ่งการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป ในวันที่ 9 ธ.ค. น่าจะได้เห็นข้อสรุปของเรื่องดังกล่าว และการส่งสัญญาณต่อเสถียรภาพของสหภาพยุโรป รวมถึงความคาดหวังที่ยุโรปจะออกพันธบัตรยูโรโซนในการแก้ไขวิกฤติหนี้ครั้งนี้
ขณะที่ยอดขายในวันขอบคุณพระเจ้าเพิ่มสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เป็นสัญญาณเริ่มต้นที่ดีของฤดูจับจ่ายใช้สอยของสหรัฐ แม้ว่าจะมีความยากลำบากในการรักษาระดับยอดขาย เนื่องจากอัตราการว่างงานที่ยังสูงอยู่ ดังนั้น เราจึงมองว่าระยะสั้นราคาสินทรัพย์เสี่ยงอาจปรับขึ้นตามความคาดหวังว่าจะเห็นความคืบหน้าของการแก้ปัญหาในยุโรป และสหรัฐในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ เราคงคำแนะนำระยะสั้น “เก็งกำไร” แบบขึ้นขายลงซื้อต่อไปอีกสัปดาห์ โดยกองทุนที่แนะนำยังคงเป็นกองทุน Index Funds อย่าง ASP-S&P500 ของ บลจ. Asset Plus, กองทุน ASP-HSI ของ บลจ. Asset Plus และกองทุนน้ำมัน K-OIL และASP-OIL
อย่างไรก็ตาม เรายังต้องขอย้ำถึงความระมัดระวังในการลงทุนในช่วงนี้ ราคาสินทรัพย์เสี่ยงยังคงผันผวนรุนแรงอยู่ โดยให้จับตาพัฒนาการการแก้วิกฤตหนี้ยุโรปเป็นหลัก สำหรับนักลงทุนระยะยาวเรายังคงแนะนำให้ “Wait and see” ต่อไป ยกเว้นกองทุน T-Global Bond Fund ของ บลจ. ธนชาต ที่เราแนะนำให้เริ่มทยอย “สะสม” อีกครั้ง ซึ่งราคา NAV กองทุนปรับลดลงมาพอสมควร ขณะที่เรายังคงเชื่อมั่นในกลยุทธการลงทุนของกองทุนว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
สำหรับการลงทุนใน LTF ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทย SETระยะสั้นติดแนวต้านสำคัญ 1,000 จุด โอกาสผันผวนแรงยังมีสูงอยู่ เรามองว่าเป็นการดีที่จะรอจังหวะสะสมเมื่อดัชนีปรับลดลง กองทุนที่เราแนะนำยังคงเป็น KFLTFDIV ของ บลจ. กรุงศรี ตามเดิม แต่ด้วยระยะเวลาการลงทุนLTF สำหรับปีนี้เหลือไม่มาก และโอกาสที่ตลาดผันผวนยังมีอยู่ เราแนะนำ KSDLTF (K-Strategic Defensive LTF) ไปก่อน และสับเปลี่ยนเมื่อเห็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนระยะยาวต่อไป
ทั้งนี้ปัญหาหนี้ยุโรปยังน่าเป็นห่วง และสร้างความกังวลเพิ่มขึ้นอีก เมื่ออัตราผลตอบแทนของอิตาลี และสเปนยังขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้นักลงทุนเริ่มกังวลว่าวิกฤติหนี้จะขยายวงลุกลามออกไปยังประเทศชั้นนำที่มีปัญหาน้อยกว่าอย่าง ฝรั่งเศส และเยอรมันโดยสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรฝรั่งเศสกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่มูดี้ส์ และ ฟิทช์ เรตติ้งส์ ออกมาเตือนถึงแนวโน้มที่ฝรั่งเศสอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงจากระดับ AAA และการประมูลพันธบัตรรัฐบาลของเยอรมันไม่ได้รับความสนใจ ผลประมูลออกมาน่าผิดหวัง แสดงให้เห็นว่านักลงทุนไม่เชื่อมั่นต่อแผนกู้วิกฤติหนี้ยุโรป ท่ามกลางความขัดแย้งของฝรั่งเศสและเยอรมันต่อแนวทางการแก้ปัญหา ตลาดหุ้นสำคัญในยุโรปต่างปรับตัวลดลง ในส่วนของทางฝั่งสหรัฐเอง แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจยังแสดงถึงการฟื้นตัวแต่ยังคงเปราะบางอยู่ และความล้มเหลวของ Super-committee ที่ไม่สามารถหาข้อตกลงในการลดยอดขาดดุล 1.2 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ ภายใน 10ปี รวมถึงการลุกลามของปัญหาหนี้ยุโรป ได้สร้างความกังวลให้นักลงทุน ทำให้สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก