xs
xsm
sm
md
lg

ธนาคารกลางยุโรปลดดบ.ลง0.25% เครดิตสวิสชี้S&P500ขึ้น1,270จุดปลายปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ธนาคารกลางยุโรปลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ 1.25% เพื่อลดความเข้มงวดในนโยบายการเงิน ด้านเครดิตสวิสปรับเพิ่มเป้าดัชนี S&P500 ขึ้นจาก 1,180 เป็น 1,270 จุดในปลายปีนี้ และในปีหน้าเป็น 1,340 จาก 1,260 จุด หลัง ข้อมูลระดับมหภาคปรับตัวได้ดี ขณะเดียวกัน FED อาจจะออก QE3 ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด รายงานภาวะเศรษฐกิจโลก ล่าสุดว่า ประธานธนาคารโลกเผย จะอัดฉีดเงินทุนประมาณ 2 แสนล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือประเทศยากจนในการรับมือกับผลกระทบที่เกิดจาวิกฤตหนี้ยุโรป ซึ่งธนาคารโลกจะสามารถจัดสรรเงินทุนจำนวนกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ โดยเป็นส่วนของธนาคารโลก 1.15 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่เครดิตสวิสได้ปรับเพิ่ม
เป้าหมายดัชนี S&P500 ขึ้นจาก 1,180 เป็น 1,270 จุดในปลายปีนี้และเพิ่มเป้าหมายปีหน้าเป็น 1,340 จาก 1,260 จุด โดยทางเครดิตสวิสได้ให้เหตุผลว่า ข้อมูลระดับมหภาคของสหรัฐฯ นั้นปรับตัวได้ดีเกินคาด และยังมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า

นายกรัฐมนตรีกรีซและผู้นำฝ่ายค้าน ได้ข้อบรรลุในการจัดตั้งรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ แต่การเลือกตั้งที่มีค่อนข้างช้าส่งผลเชิงลบต่อตลาด โดยข้อตกลงดังกล่าวได้มีขึ้นหลังจากผู้นำทั้งสองได้ประชุมหารือกับประธานาธิบดี และบรรลุข้อตกลงเพื่อตั้งรัฐบาลปรองดองแห่งชาติเพื่ออนุมัติข้อตกลงช่วยเหลือจากยูโรโซนก่อนที่จะจัดการเลือกตั้ง นอกจากนี้ ล่าสุดพรรคการเมืองของกรีซได้เห็นพ้องว่าจะมีการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 19 ก.พ. 2012 อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งที่มีค่อนข้างช้า อาจก่อให้เกิดความไม่แน่นอนต่อการแก้ไขปัญหา และส่งผลเชิงลบต่อตลาด นอกจากนี้ ประธานธนาคารกลางเยอรมนีกล่าวว่า การจัดการของยุโรปต่อวิกฤตหนี้สาธารณะได้สร้างความเสี่ยงต่อการนำไปสู่การกระจุกตัวของความเสี่ยงในยูโรโซน และเตือนว่าวิธีการดังกล่าวอาจก่อให้เกิดปัญหากับประเทศสมาชิกในที่สุด
และผลขาดทุนของเจ้าหนี้ภาคเอกชนของกรีซจะบรรเทาภาระหนี้ของกรีซ แต่จะไม่แก้ไขปัญหาพื้นฐานของกรีซ

ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปประกาศลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ 1.25% เพื่อลดความเข้มงวดในนโยบายการเงิน โดยวิกฤติหนี้ยูโรโซนได้บดบังความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ระดับสูงซึ่งอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในยูโรโซนปรับลดลงในเดือน ต.ค. อยู่ที่ 94.8 เทียบกับ 95.0 ในเดือน ก.ย. ขณะที่การคาดการณ์ที่เป็นบวกมากขึ้นทางภาคการบริการไม่สามารถชดเชยการคาดการณ์ในทางลบมากยิ่งขึ้นในภาคอุตสาหกรรมและในกลุ่มผู้บริโภค ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปยังคงอ่อนแอ

ด้านอดีตเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจีนชี้ยุโรปไม่ควรคาดหวังทางการจีนจะเข้าช่วยเหลือวิกฤติหนี้ โดยจากการที่จีนเป็นประเทศที่มีปริมาณเงินทุนสำรองสูงที่สุดในโลก และมีความมั่นคงทางการเงินสูงจึงทำให้ได้รับการทาบทามจากฝั่งยุโรปให้เข้าช่วยใส่เงินเข้าไปช่วยกู้หนี้ของชาติยุโรปร่วมกับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการตอบรับหรือปฎิเสธจีนน่าจะต้อง
ใช้เวลาอย่างน้อยหลายสัปดาห์ศึกษาผลตอบแทนและความเสี่ยง นอกจากข้อเสนอเพียงเบื้องต้นระบุว่า นักลงทุนอาจได้รับความคุ้มครองจาก 1 ใน 5 ของมูลค่าความเสียหายในเบื้องต้น และอาจมีการขายพันธบัตรในรูปเงินหยวน ซึ่งคาดว่าหากมีการให้ความช่วยเหลือที่เพียงพอจากจีนจะทำให้ตลาดตอบรับในทิศทางที่ดีและเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับการแก้ปัญหาสถาณการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จีนจะต้องรับความเสี่ยงในระยะยาวไป ซึ่งที่ผ่านมาทางการจีนเพียงแต่ให้ความเห็นว่า จีนยินดีที่จะลงทุนในกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ในลักษณะ

ค่อยเป็นค่อยไป ถ้ามีการออกพันธบัตรยูโร ทางการจีนจะเข้าไปซื้อ และการตัดสินใจทางการเงินของจีนจะอยู่บนพื้นฐานของการพิจารณาทางการเงิน ซึ่งความช่วยเหลือจากจีนอาจจะไม่มากมายจนสามารถช่วยเหลือยุโรปจากภาวะหนี้ได้สำหรับเศรษฐกิจของจีนนั้นรัฐมนตรีกระทรวงการคลังจีนชี้เศรษฐกิจจีนกำลังขยายตัวในทิศทางที่เหมาะสม โดยระบุว่าแรงกดดันเงินเฟ้ออาจจะยังดำรงต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าและราคายังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นในจีน ขณะที่จีนกำลังเผชิญกับการกีดกันทางการค้าและ
ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน แต่ยังอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศบางรายเชื่อว่า จีนอาจเตรียมฉลองการแข็งค่าของเงินหยวนซึ่งเริ่มส่งผลแล้วต่อตลาด swap โดยเริ่มเห็นค่า premium ของอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าของเงินหยวนต่อเหรียญสหรัฐฯ ลดลง

นอกจานี้จีนมีแนวโน้มที่จะคงแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจมหภาคในปัจจุบันในปีหน้า แต่จะปรับนโยบายการเงินเพื่อความยืดหยุ่นซึ่งจากการให้ความเห็นของทางการจีนที่ว่า นโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในปีหน้า และจะยังคงนโยบายการคลังแบบเชิงรุกและนโยบายการเงินแบบรอบคอบ แต่อาจมีการปรับนโยบายการเงินบางส่วนเพื่อให้มีความอ่อนไหว ยืดหยุ่น และมอง
การณ์ไกล ซึ่งสอดรับกับนายกรัฐมนตรี เหวิน เจีย เป่า mujให้ความหวังกับนักลงทุนในสัปดาห์ก่อนหน้าว่า นโยบายการเงินจีนและนโยบายที่คุมเข้มภาคอสังหาฯ ที่ผ่านมามีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายลงได้ ส่งผลให้ตลาดจีนปรับขึ้นได้ในช่วงสั้นๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น