กองทุนตบเท้าคลอดตราสารหนี้ระยะสั้น รับเงินหาแหล่งลงทุนหนีความผันผวน "ฟินันซ่า" ชูกอง 6 เดือนให้ยิลด์สูงสุด 3.38% "แอสเซทพลัส" คาด ดอกเบี้ยทั้งปี ขยับขึ้นได้อีก 1 รอบ หลังนโยบายรัฐไม่ชัด ล่าสุด ขายกองบอนด์เล่นรอบ 6 เดือน ชูผลตอบแทน 3.65% ต่อปี ด้าน "เอ็มเอฟซี" ร่วมวงกอง 6 เดือนด้วย
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟินันซ่า จำกัด เปิดเผยว่า ภาวะตลาดกำลังผันผวนมากสำหรับตลาดการเงินบ้านเรา เนื่องจากปัจจัยจากภายนอกประเทศเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่อเมริกาหรือยุโรป ส่งผลให้ตลาดหุ้นบ้านเรารับเคราะห์ไปด้วย ราคาทองคำก็ผันผวนหนัก ส่วนปัญหาจากภายในประเทศก็ยังคงเป็นเรื่องเงินเฟ้อเช่นเคย ดังนั้นถ้าต้องการหาพี่พักเงินระยะสั้น ๆ เพื่อหลบความผันผวนในช่วงนี้ ฟินันซ่าแนะนำตราสารหนี้ระยะสั้น “กองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้ 3 เดือน 8 (FAM FIX 3M8)” ให้ประมาณการผลตอบแทน 3.38 % ต่อปี อายุประมาณ 3 เดือน เสนอขายวันที่ 8-13 กันยายน 2554 ผู้ที่สนใจสามารถจองซื้อขั้นต่ำ 2,000 บาท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น จะเป็นการลงทุนในประเทศและมีสัดส่วนของตั๋วแลกเงินของบริษัทเอกชนเป็นส่วนใหญ่ โดยเราจะเห็นประมาณอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 3.2% - 3.35% ต่อปี แต่สำหรับกองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้ 3 เดือน 8 ให้ผลตอบแทนที่จูงใจที่ 3.38% ต่อปี ซึ่งกองทุนนี้ เป็นกองทุนมีนโยบายที่จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ที่มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้น โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐ และ/หรือ ตราสารแห่งหนี้ภาคเอกชน โดยอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ โดยตราสารที่จะลงทุน มีตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารในประเทศ ตั๋วแลกเงิน บมจ. บัตรกรุงไทย, บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง, บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ, บมจ.ภัทรลีสซิ่ง, บมจ. Double A (1991), บมจ. แลนด์แอนด์เฮาส์, บมจ. ควอลิตี้เฮาส์, บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท และ บมจ.เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ และตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับกองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้ 3 เดือน 8 เมื่อครบกำหนดการลงทุนบริษัทจัดการจะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ โดยจะจัดให้มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนส่วนที่เหลือทั้งหมดของกองทุนนี้เพื่อใช้ในการสับเปลี่ยนไปยังกองทุนเปิดฟินันซ่าเพิ่มพูนทรัพย์ (FAM VF) หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการของผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายโดยอัตโนมัติ โดย FAM VF มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ให้ประมาณการผลตอบแทนที่ 2.71 % ต่อปี (3 เดือนย้อนหลัง) และ 2.39 % ต่อปี (6 เดือนย้อนหลัง) ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2554
ด้านนางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด บลจ.แอสเซทพลัส จำกัด กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลที่ยังคงไม่มีความชัดเจนด้านงบประมาณรายจ่าย เช่น นโยบายซื้อคอมพิวเตอร์ให้เด็กนักเรียน การจำนำข้าว และการประกันค่าแรงขั้นต่ำรายวัน อีกทั้งการปรับลดลงของราคาน้ำมันโลกและการที่รัฐบาลปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน และแก็สโซฮอลล์ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน น่าจะช่วยให้อัตราเงินเฟ้อในช่วงต่อไปปรับตัวลดลง จึงคาดว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อน่าจะผ่อนคลายลง โดยบริษัทฯ คาดว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อีก 2 ครั้งในปีนี้นั้น ทาง กนง.น่าจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียว มาอยู่ที่ 3.75%
ทั้งนี้ ในมุมมองการลงทุนในภาวะที่ปัจจัยกดดันภายนอกประเทศยังคงไม่ชัดเจน ทั้งปัญหาในสหรัฐฯ ที่มีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ต่ำ ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป และปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลาง สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ การลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศระยะสั้นๆ น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เสียโอกาสผลตอบแทนในช่วงอัตราดอกเบี้ยในประเทศอยู่ในช่วงขาขึ้น
โดยระหว่างวันที่ 12-14 กันยายนนี้ บริษัทจะเสนอขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีทรัพย์ 9 (ASP-TFIXED9) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่เปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้กองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศและเงินฝากธนาคารต่างประเทศ เช่น เงินฝาก Bank of China สาขามาเก๊า เป็นสกุลเงินหยวน ซึ่งทางบริษัทฯ ได้ทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงระหว่างค่าเงินหยวนและค่าเงินบาทเต็มจำนวน หุ้นกู้ บมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ตั๋วแลกเงิน ธนาคารธนชาต (TBANK) บมจ. อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส (AYCAL) บมจ.แลนด์แอนด์เฮาส์ (LH) และธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์ (LHB) โดยมีรอบการลงทุนประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.65% ต่อปี
ในขณะที่นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บลจ.เอ็มเอฟซีเตรียมเปิดขาย กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี กาญจนทรัพย์ 6 ซีรี่ส์ 17 หรือ MK6S17 ระหว่างวันที่ 9-15 กันยายนนี้ โดยกองทุนดังกล่าวกองทุนเปิด MK 6S17 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ ซึ่งใช้เวลาลงทุนประมาณ 6 เดือน โดยผู้ลงทุนไม่ต้องเสียภาษีของผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนสำหรับสำหรับบุคคลธรรมดา และเป็นการกระจายการลงทุนนอกเหนือไปจากการลงทุนในตราสารทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ กองทุนอยู่ระหว่างการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
สำหรับกองทุนเปิด MK6S17 มีมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท จะลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ และมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินแบบเต็มจำนวน (Fully Hedge) โดยจะลงทุนในเงินฝากหรือตราสารหนี้ที่มีคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ ที่ให้ผลตอบแทนเหมาะสมกับความเสี่ยง เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หรือตราสารทางการเงินที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ หรือออกโดยสถาบันที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเต็มจำนวน
ทั้งนี้ เมื่อครบอายุกองทุน บริษัทจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนกองทุนเปิด MK6S17 และสับเปลี่ยนอัตโนมัติไปยังกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีพันธบัตรตลาดเงิน (MM-GOV) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินที่มีความมั่นคงสูง ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เพื่อผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับโอกาสที่ดีจากการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ผู้สนใจลงทุนในกองทุนMK6S17 สามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟินันซ่า จำกัด เปิดเผยว่า ภาวะตลาดกำลังผันผวนมากสำหรับตลาดการเงินบ้านเรา เนื่องจากปัจจัยจากภายนอกประเทศเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่อเมริกาหรือยุโรป ส่งผลให้ตลาดหุ้นบ้านเรารับเคราะห์ไปด้วย ราคาทองคำก็ผันผวนหนัก ส่วนปัญหาจากภายในประเทศก็ยังคงเป็นเรื่องเงินเฟ้อเช่นเคย ดังนั้นถ้าต้องการหาพี่พักเงินระยะสั้น ๆ เพื่อหลบความผันผวนในช่วงนี้ ฟินันซ่าแนะนำตราสารหนี้ระยะสั้น “กองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้ 3 เดือน 8 (FAM FIX 3M8)” ให้ประมาณการผลตอบแทน 3.38 % ต่อปี อายุประมาณ 3 เดือน เสนอขายวันที่ 8-13 กันยายน 2554 ผู้ที่สนใจสามารถจองซื้อขั้นต่ำ 2,000 บาท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น จะเป็นการลงทุนในประเทศและมีสัดส่วนของตั๋วแลกเงินของบริษัทเอกชนเป็นส่วนใหญ่ โดยเราจะเห็นประมาณอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 3.2% - 3.35% ต่อปี แต่สำหรับกองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้ 3 เดือน 8 ให้ผลตอบแทนที่จูงใจที่ 3.38% ต่อปี ซึ่งกองทุนนี้ เป็นกองทุนมีนโยบายที่จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ที่มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้น โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐ และ/หรือ ตราสารแห่งหนี้ภาคเอกชน โดยอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ โดยตราสารที่จะลงทุน มีตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารในประเทศ ตั๋วแลกเงิน บมจ. บัตรกรุงไทย, บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง, บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ, บมจ.ภัทรลีสซิ่ง, บมจ. Double A (1991), บมจ. แลนด์แอนด์เฮาส์, บมจ. ควอลิตี้เฮาส์, บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท และ บมจ.เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ และตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับกองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้ 3 เดือน 8 เมื่อครบกำหนดการลงทุนบริษัทจัดการจะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ โดยจะจัดให้มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนส่วนที่เหลือทั้งหมดของกองทุนนี้เพื่อใช้ในการสับเปลี่ยนไปยังกองทุนเปิดฟินันซ่าเพิ่มพูนทรัพย์ (FAM VF) หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการของผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายโดยอัตโนมัติ โดย FAM VF มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ให้ประมาณการผลตอบแทนที่ 2.71 % ต่อปี (3 เดือนย้อนหลัง) และ 2.39 % ต่อปี (6 เดือนย้อนหลัง) ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2554
ด้านนางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด บลจ.แอสเซทพลัส จำกัด กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลที่ยังคงไม่มีความชัดเจนด้านงบประมาณรายจ่าย เช่น นโยบายซื้อคอมพิวเตอร์ให้เด็กนักเรียน การจำนำข้าว และการประกันค่าแรงขั้นต่ำรายวัน อีกทั้งการปรับลดลงของราคาน้ำมันโลกและการที่รัฐบาลปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน และแก็สโซฮอลล์ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน น่าจะช่วยให้อัตราเงินเฟ้อในช่วงต่อไปปรับตัวลดลง จึงคาดว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อน่าจะผ่อนคลายลง โดยบริษัทฯ คาดว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อีก 2 ครั้งในปีนี้นั้น ทาง กนง.น่าจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียว มาอยู่ที่ 3.75%
ทั้งนี้ ในมุมมองการลงทุนในภาวะที่ปัจจัยกดดันภายนอกประเทศยังคงไม่ชัดเจน ทั้งปัญหาในสหรัฐฯ ที่มีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ต่ำ ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป และปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลาง สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ การลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศระยะสั้นๆ น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เสียโอกาสผลตอบแทนในช่วงอัตราดอกเบี้ยในประเทศอยู่ในช่วงขาขึ้น
โดยระหว่างวันที่ 12-14 กันยายนนี้ บริษัทจะเสนอขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีทรัพย์ 9 (ASP-TFIXED9) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่เปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้กองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศและเงินฝากธนาคารต่างประเทศ เช่น เงินฝาก Bank of China สาขามาเก๊า เป็นสกุลเงินหยวน ซึ่งทางบริษัทฯ ได้ทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงระหว่างค่าเงินหยวนและค่าเงินบาทเต็มจำนวน หุ้นกู้ บมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ตั๋วแลกเงิน ธนาคารธนชาต (TBANK) บมจ. อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส (AYCAL) บมจ.แลนด์แอนด์เฮาส์ (LH) และธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์ (LHB) โดยมีรอบการลงทุนประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.65% ต่อปี
ในขณะที่นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บลจ.เอ็มเอฟซีเตรียมเปิดขาย กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี กาญจนทรัพย์ 6 ซีรี่ส์ 17 หรือ MK6S17 ระหว่างวันที่ 9-15 กันยายนนี้ โดยกองทุนดังกล่าวกองทุนเปิด MK 6S17 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ ซึ่งใช้เวลาลงทุนประมาณ 6 เดือน โดยผู้ลงทุนไม่ต้องเสียภาษีของผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนสำหรับสำหรับบุคคลธรรมดา และเป็นการกระจายการลงทุนนอกเหนือไปจากการลงทุนในตราสารทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ กองทุนอยู่ระหว่างการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
สำหรับกองทุนเปิด MK6S17 มีมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท จะลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ และมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินแบบเต็มจำนวน (Fully Hedge) โดยจะลงทุนในเงินฝากหรือตราสารหนี้ที่มีคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ ที่ให้ผลตอบแทนเหมาะสมกับความเสี่ยง เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หรือตราสารทางการเงินที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ หรือออกโดยสถาบันที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเต็มจำนวน
ทั้งนี้ เมื่อครบอายุกองทุน บริษัทจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนกองทุนเปิด MK6S17 และสับเปลี่ยนอัตโนมัติไปยังกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีพันธบัตรตลาดเงิน (MM-GOV) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินที่มีความมั่นคงสูง ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เพื่อผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับโอกาสที่ดีจากการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ผู้สนใจลงทุนในกองทุนMK6S17 สามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป