xs
xsm
sm
md
lg

เข็นบอนด์สั้นรับดอกเบี้ยขาขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-บลจ.กรุงไทย ประเมินสภาพคล่องในระบบยังมีสูง ส่งกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือน "กรุงไทยธนทรัพย์ บี 15" ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ ตรสารหนี้ระยะสั้นและเงินฝากต่างประเทศ คาดให้ผลตอบแทนประมาณ 3.65% ต่อปี ส่วนไทยพาณิชย์ ขาย 4 กองทุนรวด เพิ่อโอกาสกระจายความเสี่ยงลูกค้า ขณะที่บลจ.ยูโอบีส่ง "ยูโอบี เอฟไอ พลัสพลัส 6/16" ลงทุน 6เดือน เปิดขายไอพีโอพร้อมกันแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 7 กันยายน 2554

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน ) กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้นในประเทศปรับเพิ่มขึ้น 1-6 bp แม้ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 3.50% ต่อปี ตลาดตราสารหนี้มีการตอบรับเพียงเล็กน้อย เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และยุโรปที่ยังได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวอย่างอ่อนแอของภาคการจ้างงาน การบริโภค

ขณะที่ปัญหาการปรับลดลงของภาคอสังหาริมทรัพย์ หนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ตลาดเริ่มมีความกังวลถึงผลกระทบจากภาคการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศในอนาคต โดยสังเกตุได้จากเส้นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุสั้นอยู่สูงกว่าตราสารรุ่นอายุที่ยาวกว่า (Invert Yield Curve) ซึ่งโดยทั่วไป แนวโน้มนี้จะสะท้อนถึงภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจในอนาคต

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจัยน่าจะเป็นผลจากสภาพคล่องในระบบที่มีอยู่สูง ปริมาณตราสารหนี้ออกใหม่ยังมีน้อยกว่าความต้องการ รวมถึงกระแสการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศที่ยังสนใจลงทุนในตราสารหนี้ไทยเนื่องจากให้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ต่างประเทศโดยเปรียบเทียบ

สำหรับสถานการณ์การลงทุนในต่างประเทศ พบว่าเงินฝากในสกุลเงิน CNY และพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ดังนั้น การลงทุนในต่างประเทศและปิดความเสี่ยงด้วยสัญญาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้ากลับเป็นสกุลเงินบาท จึงถือเป็นโอกาสสำหรับการลงทุนในต่างประเทศแม้จะมีความผันผวนสูงภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน

ในสัปดาห์นี้บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 15(KTSUPB15 ) อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาทเสนอขายวันที่ 31 สิงหาคม -7 กันยายน 2554 เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารการเงินระยะสั้นของสถาบันการเงินและบริษัทเอกชนทั้งในและต่างประเทศ เช่น เงินฝากประจำ Bank of China สาขามาเก๊า ธนาคารกสิกรไทยโดยเงินลงทุนต่างประเทศเป็นเงินฝากของสถาบันการเงินสกุล CNY และ USD ตราสารหนี้ระยะสั้นที่ออกโดย ICBC Asia สกุล USD และพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ Monetary Stabilization Bond โดยคาดว่าจะลงทุนประมาณ 77% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากหรือตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์และบริษัทเอกชนในประเทศ ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.65% ต่อปี

โดยกองทุนนี้เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น และเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ โดยเงินลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศจะมีการทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 3 ( KTFIX3M3 )ถึงวันที่ 2 กันยายน 2554 เป็นกองทุนประเภท Rollover ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ และเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.10% ต่อปี

นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ในสภาวะปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นผลจากภาวะเงินเฟ้อที่ขยายตัวมากขึ้น บริษัทฯยังคงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน และยังไม่ทำให้นักลงทุนเสียโอกาสหากมีการปรับดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น โดยในช่วงนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเสนอขายพร้อมกัน 4 กองทุน มีให้เลือกทั้งตราสารหนี้ในประเทศ และเงินฝากต่างประเทศ มูลค่ารวม 23,000 ล้านบาท คาดให้ผลตอบแทน 3.25-3.50% ต่อปี ด้วยมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำแต่ละกองทุน 10,000 บาท

โดยกองทุนที่เสนอขายตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2554 ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 6M33 (SCB Fixed Income Fund 6M33 ) อายุ 6 เดือน คาดผลตอบแทนประมาณ 3.50% ต่อปี มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย 55.50% Euro Medium Term Note (EMTN) ธนาคาร Industrial and Commercial Bank of China (ICBC) 24.50% อันดับความน่าเชื่อถือ A-1 (S&P) และตั๋วแลกเงินธนาคารนครหลวงไทย 20% อันดับความน่าเชื่อถือ F1+ (Fitch) thai ซึ่งอัตราผลตอบแทนของกองทุนดังกล่าว ได้ทำการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) เรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ยังมีกองทุนที่ลงทุนตราสารหนี้ในประเทศซึ่งเสนอขายจนถึงวันที่ 5 กันยายน 2554 ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ในประเทศ 3M11 (SCB Local Fixed Income 3M11) ) อายุ 3 เดือน คาดผลตอบแทนประมาณ 3.25% ต่อปี มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย 55.50% ตั๋วแลกเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา 20% และตั๋วแลกเงินธนาคารนครหลวงไทยในสัดส่วน 24.50% ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือ F1+ (Fitch) thai กองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรรัฐบาล 6M100 (SCB Government Bond 6M100 Open End Fund) อายุ 6 เดือน คาดผลตอบแทนประมาณ 3.25% ต่อปี เน้นลงทุนในตั๋วเงินคลัง 99% ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรรัฐบาล 12M36 (SCB Government Bond 12M36 Open End Fund) อายุ 1 ปี คาดผลตอบแทนประมาณ 3.25% ต่อปี เน้นลงทุนในตั๋วเงินคลัง 98% ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด เปิดขายกองทุนเปิด ยูโอบี เอฟไอ พลัสพลัส 6/16 ลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์ และเงินฝากในธนาคารพาณิชย์ อายุโครงการประมาณ 6 เดือน ซึ่งจะเปิดเสนอขาย IPO ครั้งแรกและครั้งเดียว ในระหว่างวันที่ 30 ส.ค. - 5 ก.ย.2554 นี้ โดยจุดเด่นของกองทุน คือ โอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก ผลตอบแทนไม่ต้องเสียภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา และ ลงทุนระยะสั้น เพียง 6 เดือน
กำลังโหลดความคิดเห็น