บลจ.ไอเอ็นจี แนะนักลงทุนพักเงินระยะในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น รับอัตราดอกเบี้ยขยับขึ้น ส่งกองทุน "ไอเอ็นจี ไทย 3 เดือน โรล โอเว่อร์ A" ลงทุน 3 เดือน ขณะที่บลจ.กรุงไทยส่งกองทุน "กรุงไทยธนทรัพย์ บี 10" ลงทุน 3 เดือนให้ผลตอบแทนที่ 2.85% ต่อปี เปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 5 กรกฎาคม 2554 นี้
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นในปัจจุบันยังเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวแคบๆ เพราะความกังวลจากสถานการณ์หนี้ในยุโรป รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง ซึ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นทางเลือกที่น่าสนใจของนักลงทุน เพราะนักลงทุนสามารถลดความผันผวนด้วยโอกาสในการรับผลตอบแทนที่แน่นอนในช่วง 3 เดือน อีกทั้งผลตอบแทนก็มีโอกาสที่จะสูงกว่าเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในระยะเวลาเดียวกันอีกด้วย
ทั้งนี้ในระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน ถึง 4 กรกฎาคม 2554 บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จะเปิดรับคำสั่งซื้อ/ขายคืนหน่วยลงทุนของ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย 3 เดือน โรล โอเว่อร์ Aซึ่งกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ รวมทั้งตั๋วสัญญาใช้เงินและตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์ ที่มีอายุการลงทุนเฉลี่ยประมาณ 3 เดือน
โดยกองทุนดังกล่าวไม่ได้มีการกำหนดอายุของโครงการ แต่จะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนส่งคำสั่งซื้อขายหน่วยลงทุนเป็นรอบทุกๆ 3 เดือน ในรอบนี้จะเปิดให้ส่งคำสั่งซื้อขายหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน ถึง 4 กรกฎาคม ซึ่งหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ จะดำเนินการซื้อหรือขายหน่วยลงทุนให้ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2554
อย่างไรก็ตามสำหรับการเสนอขายรอบใหม่นั้น เรายังมั่นใจว่า จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุน เนื่องจากที่ผ่านมา กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เป็นกองทุนที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมาโดยตลอด เพราะเหมาะสำหรับการพักเงินระยะสั้น เพื่อรอจังหวะในการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยกำลังอยู่ในทิศทางขาขึ้น
หลังจากได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อที่ขยับสูงขึ้น ซึ่งไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวสูงขึ้นของเงินเฟ้อ แต่ยังหมายถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่มีศักยภาพในการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ทิศทางการปรับขึ้นยังคงมีอยู่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนควรหาแหล่งพักเงินระยะสั้นๆ เพื่อรอจังหวะกลับเข้าไปในช่วงที่ดอกเบี้ยขยับสูงขึ้น
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 10 (KTSUPB10) ในวันที่ 29 มิถุนายน - แอายุ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท กองทุนนี้จะเน้นลงทุนในเงินฝากประจำ Union National Bank ( UAE ) บัตรเงินฝาก Wing Lung Bank ( Hong Kong ) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ A- ขึ้นไป ประมาณ 44% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย และตราสารภาคแอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.85% ต่อปี
โดยกองทุนนี้เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น และต้องการผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ซึ่งตราสารที่ลงทุนจะให้ส่วนต่างผลตอบแทนที่ค่อนข้างจูงใจเมื่อเทียบกับการลงทุนเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือเงินฝากระยะเดียวกันโดยผลตอบแทนไม่เสียภาษี และเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น1 ( KTFIX3M1 ) เสนอขายถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2554 อายุโครงการ 3 เดือน โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 99.95%และลงทุนอื่นๆอีก 0.05% ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.60% ต่อปี
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นในปัจจุบันยังเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวแคบๆ เพราะความกังวลจากสถานการณ์หนี้ในยุโรป รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง ซึ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นทางเลือกที่น่าสนใจของนักลงทุน เพราะนักลงทุนสามารถลดความผันผวนด้วยโอกาสในการรับผลตอบแทนที่แน่นอนในช่วง 3 เดือน อีกทั้งผลตอบแทนก็มีโอกาสที่จะสูงกว่าเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในระยะเวลาเดียวกันอีกด้วย
ทั้งนี้ในระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน ถึง 4 กรกฎาคม 2554 บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จะเปิดรับคำสั่งซื้อ/ขายคืนหน่วยลงทุนของ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย 3 เดือน โรล โอเว่อร์ Aซึ่งกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ รวมทั้งตั๋วสัญญาใช้เงินและตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์ ที่มีอายุการลงทุนเฉลี่ยประมาณ 3 เดือน
โดยกองทุนดังกล่าวไม่ได้มีการกำหนดอายุของโครงการ แต่จะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนส่งคำสั่งซื้อขายหน่วยลงทุนเป็นรอบทุกๆ 3 เดือน ในรอบนี้จะเปิดให้ส่งคำสั่งซื้อขายหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน ถึง 4 กรกฎาคม ซึ่งหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ จะดำเนินการซื้อหรือขายหน่วยลงทุนให้ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2554
อย่างไรก็ตามสำหรับการเสนอขายรอบใหม่นั้น เรายังมั่นใจว่า จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุน เนื่องจากที่ผ่านมา กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เป็นกองทุนที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมาโดยตลอด เพราะเหมาะสำหรับการพักเงินระยะสั้น เพื่อรอจังหวะในการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยกำลังอยู่ในทิศทางขาขึ้น
หลังจากได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อที่ขยับสูงขึ้น ซึ่งไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวสูงขึ้นของเงินเฟ้อ แต่ยังหมายถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่มีศักยภาพในการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ทิศทางการปรับขึ้นยังคงมีอยู่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนควรหาแหล่งพักเงินระยะสั้นๆ เพื่อรอจังหวะกลับเข้าไปในช่วงที่ดอกเบี้ยขยับสูงขึ้น
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 10 (KTSUPB10) ในวันที่ 29 มิถุนายน - แอายุ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท กองทุนนี้จะเน้นลงทุนในเงินฝากประจำ Union National Bank ( UAE ) บัตรเงินฝาก Wing Lung Bank ( Hong Kong ) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ A- ขึ้นไป ประมาณ 44% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย และตราสารภาคแอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.85% ต่อปี
โดยกองทุนนี้เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น และต้องการผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ซึ่งตราสารที่ลงทุนจะให้ส่วนต่างผลตอบแทนที่ค่อนข้างจูงใจเมื่อเทียบกับการลงทุนเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือเงินฝากระยะเดียวกันโดยผลตอบแทนไม่เสียภาษี และเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น1 ( KTFIX3M1 ) เสนอขายถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2554 อายุโครงการ 3 เดือน โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 99.95%และลงทุนอื่นๆอีก 0.05% ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.60% ต่อปี