xs
xsm
sm
md
lg

กนง.จ่อขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ 4บลจ.ชวนลงบอนด์สั้นรับยิลด์สูง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมชัย  บุญนำศิริ
บลจ.กรุงไทย ประเมิน กนง.เตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 13 ก.ค.อีกครั้งหลังมีแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อค่อนข้างสูง ล่าสุดส่งกองทุน "กรุงไทยธนทรัพย์ บี 11" ลงทุน 6 เดือนให้ผลตอบแทน 3.15% ต่อปี ขณะที่บลจ.ธนชาต บลจ.ฟินันซ่า และบลจ.ยูโอบี ส่งบอนด์สั้นเอาใจนักลงทุนด้วยเช่นกัน เปิดขายไอพีโอตั้งแต่วันนี้ถึง 12 กรกฎาคม 2554

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้นถึงระยะกลางยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่ากนง..จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 13 ก.ค. นี้ เนื่องจากมีแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อ และสถาบันการเงินในประเทศมีการแข่งขันกันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและตราสารการเงินระยะสั้น เพื่อระดมเงินรองรับการลดระดับการคุ้มครองเงินฝากในกลางเดือนสิงหาคมนี้

ส่วนตลาดการเงินในต่างประเทศ มีปัจจัยกดดันจากแผนงบประมาณของกรีซและแนวทางการให้ความช่วยเหลือทางการเงินของประชาคมยุโรป ส่งผลให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลดลง และทำให้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นค่อนข้างมากแม้ว่าจะเริ่มอ่อนลงบ้างในช่วงปลายสัปดาห์ ผลดังกล่าวทำให้ต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนตามการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน

โดยบลจ.กำลังเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 11 (KTSUPB11) ในวันที่ 6 -12 กรกฎาคม 2554 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 3,000 ล้านบาท โดยกองทุนจะลงทุนในเงินฝากประจำ Union National Bank ( UAE ) 44% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย และตราสารภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.15% ต่อปี และเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

นอกจากนี้เรายังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือน คุ้มครองเงินต้น 4 เสนอขายถึงวันที่ 8 กรกฎาคม 2554 อายุโครงการ 6 เดือน เป็นกองทุนประเภท Roll Over เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐ 99.27% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก ผู้ลงทุนจะได้ผลตอบแทนประมาณ 2.90% ต่อปี ทั้งนี้ กองทุนที่บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายผลตอบแทนมีโอกาสสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากและผู้ลงทุนไม่เสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย

นายสุรธีร์ กิตติวรวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ. ธนชาต จำกัด กล่าวว่า ณ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ร้อยละ 3.0 และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น บลจ.ธนชาต จึงแนะนำให้นักลงทุนลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อไม่ให้เสียโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนสูงขึ้นในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น และปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังติดลบอยู่ จากอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่องตามการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันและสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุน บลจ.ธนชาต จึงเสนอขายกองทุนเปิดตราสารหนี้ในประเทศด้วยกัน 2 กองทุน โดยเสนอขายจนถึงวันที่ 11 กรกฏาคม 2554 ได้แก่ กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 17 (TFIX17) อายุโครงการประมาณ 3 เดือน ขนาดโครงการ 2,000 ล้านบาท ผลตอบแทนประมาณ 2.90% ต่อปี ตั้งเป้าลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นภาคเอกชน หรือ ธนาคารในประเทศประมาณ 70% ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐประมาณ 30% ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 3.1531%

โดยมีประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุน 0.2531% ต่อปี และกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 18 (TFIX18) อายุโครงการประมาณ 6 เดือน ขนาดโครงการ 2,000 ล้านบาท ผลตอบแทนประมาณ 3.20% ต่อปี ตั้งเป้าลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นภาคเอกชน หรือ ธนาคารในประเทศประมาณ 70% ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐประมาณ 30% ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 3.3678% โดยมีประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุน 0.1678% ต่อปี

นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. ฟินันซ่า จำกัด กล่าวว่า ฟินันซ่าออกกองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้ 6 เดือน 2 (FAM FIX 6M2) ให้ ประมาณการผลตอบแทน 3.5 % ต่อปีอายุประมาณ 6 เดือน เสนอขายถึงวันที่ 12 กรกฎาคม 2554 ผู้ที่สนใจสามารถจองซื้อขั้นต่ำ 2,000 บาท พิเศษสำหรับงาน ตลาดนัดกองทุนรวม ที่สยามพารากอนอาทิตย์นี้

โดยกองทุนFAM FIX 6M2 เป็นกองทุนมีนโยบายที่จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ที่มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้น โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐ และ/หรือ ตราสารแห่งหนี้ภาคเอกชน โดยอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ FAM FIX 6M2 จะลงทุนในตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารในประเทศ ตั๋วแลกเงินบมจ. Double A, บมจ. KTC, บมจ.อุตสาหกรรมโรจนะ, บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง, และบมจ.ภัทรลีสซิ่ง และตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อัตรารับซื้อคืนอัตโนมัติ (ต่อปี) ถึง 3.5 นับว่าเป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับกองทุนอื่นในลักษณะเดียวกัน โดยในเดือนที่ผ่านมาตัวเลขประมาณการที่เห็นสำหรับ 6 เดือนจะเป็น 2.9-3.3%* ต่อปีเท่านั้น

ทั้งนี้เมื่อครบกำหนดการลงทุนบริษัทจัดการจะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ โดยจะจัดให้มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนส่วนที่เหลือทั้งหมดของกองทุนนี้เพื่อใช้ในการสับเปลี่ยนไปยังกองทุนเปิดฟินันซ่าเพิ่มพูนทรัพย์ (FAM VF) หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการของผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายโดยอัตโนมัติ โดย FAM VF มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ให้ประมาณการผลตอบแทนที่ 2.07 % ต่อปี 3 เดือนย้อนหลัง ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2554

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บลจ. ยูโอบี จำกัด เปิดขายกองทุนตราสารหนี้ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ยูโอบี เอฟไอเอฟพลัส 6/14(UOBFIPP 6/14) โดยเปิดขายครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียว ตั้งแต่วันที่ 5 - 11 กรกฎาคม 2554 กองทุนมีอายุโครงการประมาณ 6 เดือนมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท กองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ตัวอย่างเช่น พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์ เงินฝากในธนาคารพาณิชย์ และตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนทั่วไป ประมาณการผลตอบแทนที่จะได้รับหลังหักค่าใช้จ่ายของกองทุนอยู่ที่ประมาณ 3.15%
กำลังโหลดความคิดเห็น