2 บลจ. เครือแบงก์ ตบเท้าคลอดกองบอนด์สู้ศึกดอกเบี้ยขึ้น บลจ.ธนชาต เข็น "ธนชาตตราสารหนี้ 12" อายุ 6 เดือน ไอพีโอแล้วถึง 18 พ.ค.นี้ ด้าน บลจ. ยูโอบี (ไทย) ร่วมวง ขาย "ยูโอบี เอฟไอ พลัส พลัส 6/5 และยูโอบี เอสบี 6/13" อายุ 6 เดือน เน้นบอนด์ไทยและบอนด์เทศ หวังเป็นทางเลือกให้นักลงทุน เริ่มไอพีโอแล้วถึง 23 พ.ค. นี้
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ในช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมาน่าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ ซึ่งนักลงทุนคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะปรับขึ้นไปอยู่ที่ 3.00 - 3.50% ภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงสภาพคล่องทางการเงินที่ยังมีอยู่สูง ทำให้มีความต้องการลงทุนโดยเฉพาะในพันธบัตรระยะสั้นๆ อยู่
ล่าสุดบริษัทกำลังเปิดขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 12 หรือ TFIX12 อายุ 6 เดือน มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เริ่มเปิดไอพีโอแล้ววันนี้ถึง 18 พฤษภาคม 2554 โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนหรือภาครัฐที่มีคุณภาพ มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นสูง หรือเงินฝาก หรือตราสารที่เทียบเท่าเงินสด หรือหลักทรัพย์อื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
ขณะเดียวกันกองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญซื้อขายล่วงหน้า และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวมถึงตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือผู้ออกต่ำกว่าที่สามารถลงทุนได้ และตราสารที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้กองทุน TFIX12ไม่มีนโยบายลงทุนในตราสารที่ได้รับการจัดอันดับน่าเชื่อถือของตราสารต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ ยกเว้นกรณีที่ใน
ขณะที่กองทุนรเริ่มลงทุนในตราสารนั้น ตราสารดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ แต่ต่อมาถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงต่ำกว่าการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ เพื่อให้กองทุนสามารถมีไว้ซึ่งตราสารดังกล่าวต่อไปได้ รวมทั้งมีเวลาในการปรับลดอัตราส่วนให้เป็นไปตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดเว้นแต่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. อนุมัติ เห็นชอบยกเว้นหรือผ่อนผันให้ดำเนินการเป็นอย่างอื่นได้
โดยกองทุนTFIX12 ตั้งเป้าอัตราผลตอบแทนโดยประมาณการอยู่ที่ 2.6% ต่อปีของเงินลงทุนครั้งแรก และประเภทของทรัพย์สินที่กองทุนจะพิจารณาลงทุนได้แก่ พันธบัตรภาครัฐ จะเข้าไปลงทุนในอัตราส่วนโดยประมาณ 40% , ตราสารหนี้ภาคเอกชนอายุ 6 เดือนประมาณ 60% ซึ่งผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 1.9303% โดยมีประมาณการณ์ค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 0.3303%ต่อปี
ด้าน บลจ. ยูโอบี (ไทย) เปิดขายกองทุนรวมเพิ่มอีก 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ยูโอบี เอฟไอ พลัส พลัส 6/5 (UOBFIPP 6/2) และ กองทุนเปิด ยูโอบี เอสบี 6/13 (UOBSB 6/13) โดยทั้ง 2 กองทุนเปิดขายไอพีโอระหว่างวันที่ 10 - 23 พฤษภาคม 2554
ทั้งนี้กองทุนเปิด ยูโอบี เอฟไอ พลัส พลัส 6/5 มีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน ลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ ตัวอย่างเช่น พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์ เงินฝากในธนาคารพาณิชย์ และตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนทั่วไป ขณะที่กองทุนเปิด ยูโอบี เอสบี 6/13 อายุโครงการประมาณ 6 เดือน ลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์ และเงินฝากในธนาคารพาณิชย์
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ในช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมาน่าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ ซึ่งนักลงทุนคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะปรับขึ้นไปอยู่ที่ 3.00 - 3.50% ภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงสภาพคล่องทางการเงินที่ยังมีอยู่สูง ทำให้มีความต้องการลงทุนโดยเฉพาะในพันธบัตรระยะสั้นๆ อยู่
ล่าสุดบริษัทกำลังเปิดขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 12 หรือ TFIX12 อายุ 6 เดือน มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เริ่มเปิดไอพีโอแล้ววันนี้ถึง 18 พฤษภาคม 2554 โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนหรือภาครัฐที่มีคุณภาพ มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นสูง หรือเงินฝาก หรือตราสารที่เทียบเท่าเงินสด หรือหลักทรัพย์อื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
ขณะเดียวกันกองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญซื้อขายล่วงหน้า และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวมถึงตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือผู้ออกต่ำกว่าที่สามารถลงทุนได้ และตราสารที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้กองทุน TFIX12ไม่มีนโยบายลงทุนในตราสารที่ได้รับการจัดอันดับน่าเชื่อถือของตราสารต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ ยกเว้นกรณีที่ใน
ขณะที่กองทุนรเริ่มลงทุนในตราสารนั้น ตราสารดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ แต่ต่อมาถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงต่ำกว่าการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ เพื่อให้กองทุนสามารถมีไว้ซึ่งตราสารดังกล่าวต่อไปได้ รวมทั้งมีเวลาในการปรับลดอัตราส่วนให้เป็นไปตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดเว้นแต่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. อนุมัติ เห็นชอบยกเว้นหรือผ่อนผันให้ดำเนินการเป็นอย่างอื่นได้
โดยกองทุนTFIX12 ตั้งเป้าอัตราผลตอบแทนโดยประมาณการอยู่ที่ 2.6% ต่อปีของเงินลงทุนครั้งแรก และประเภทของทรัพย์สินที่กองทุนจะพิจารณาลงทุนได้แก่ พันธบัตรภาครัฐ จะเข้าไปลงทุนในอัตราส่วนโดยประมาณ 40% , ตราสารหนี้ภาคเอกชนอายุ 6 เดือนประมาณ 60% ซึ่งผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 1.9303% โดยมีประมาณการณ์ค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 0.3303%ต่อปี
ด้าน บลจ. ยูโอบี (ไทย) เปิดขายกองทุนรวมเพิ่มอีก 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ยูโอบี เอฟไอ พลัส พลัส 6/5 (UOBFIPP 6/2) และ กองทุนเปิด ยูโอบี เอสบี 6/13 (UOBSB 6/13) โดยทั้ง 2 กองทุนเปิดขายไอพีโอระหว่างวันที่ 10 - 23 พฤษภาคม 2554
ทั้งนี้กองทุนเปิด ยูโอบี เอฟไอ พลัส พลัส 6/5 มีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน ลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ ตัวอย่างเช่น พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์ เงินฝากในธนาคารพาณิชย์ และตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนทั่วไป ขณะที่กองทุนเปิด ยูโอบี เอสบี 6/13 อายุโครงการประมาณ 6 เดือน ลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์ และเงินฝากในธนาคารพาณิชย์
