สมาคมตราสารหนี้ เผยยอดซื้อขายตราสารหนี้เดือนพ.ค.ลดงกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท หลังเจอปัญหาทางการเมืองและQE2 ชี้เป็นเพียงผลกระทบช่วงระยะเวลาสั้น ๆ กับตราสารหนี้ระยะสั้นเท่านั้น
นางสาวอริยา ติรณะประกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย หรือ Thai BMA เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการเลือกตั้งเข้ามาส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนใหม่ที่จะไหลเข้ามาลงทุนชะลอตัวลงไป ซึ่งจะเห็นได้ชัดในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอการลงทุนไปบ้างแล้ว นอกจากนี้ยังรวมไปถึงปัญหาหนี้สินของกรีซด้วย
ทั้งนี้ ยอดถือครองของนักลงทุนต่างชาติในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ลดลงเหลือซื้อสุทธิ 1.9 หมื่นล้านบาท จากเดือนก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิกว่า 1.63 แสนล้านบาท เพราะตราสารหนี้ส่วนใหญ่ เป็นตราสารหนี้ระยะสั้นที่ทยอยครบอายุประกอบกับเม็ดเงินลงทุนใหม่ก็ชะลอตัวลงไป
"นักลงทุนต่างชาติจะหนีจากตลาดตราสารหนี้ไทยไป เพราะเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวของเม็ดเงินลงทุนใหม่ของต่างชาติตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นมา ซึ่งเป็นช่วงที่มีหลายปัจจัยเสี่ยงในโลกและในประเทศเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการไม่ต่อมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE2 ที่จะสิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายน นี้ " นางสาวอริยากล่าว
นางสาวอริยา กล่าวต่อว่า ยอดถือครองสุทธิของต่างชาติ จะมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง แต่เป็นผลมาจากตราสารหนี้ระยะสั้นครบอายุเป็นหลัก และที่มีการขายออกไปในช่วงต้นเดือนแรกของเดือนมิถุนายนเป็นการขายในตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นหลักเช่นกัน จึงยังไม่น่ากังวลประการใด เพราะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น
ปัจจุบันก็ยังไม่พบสัญญาณผิดปกติ เพราะแรงขายที่มีออกมายังคงเป็นตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าต่างชาติขายตราสารหนี้ระยะยาว ซึ่งเป็นตราสารหนี้ ที่นักลงทุนสถาบันในประเทศไม่ค่อยนิยมลงทุนอยู่แล้ว อาจจะทำให้อัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นจะส่งผลต่อราคาตราสารหนี้ในตลาดได้
“ยอดถือครองสุทธิของต่างชาติ ยังจะมีการปรับลดลงอยู่ เนื่องจากตราสารหนี้ระยะสั้นมีการครบอายุตาม ๆ กันมา บวกกับมีการขายออกไปบ้างในช่วงต้นเดือนมิถุนายน จึงยังไม่ค่อยมีความกังวงมากนักเพราะยังคงเป็นผลกระทบในช่วงระยะสั้น ๆ เท่านั้น” นางสาวอริยากล่าว
นางสาวอริยา กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนตราสารหนี้ในบ้านเราเมื่อเทียบกับต่างชาติยังเล็กมาก แต่ผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนมีความน่าสนใจมาก และยังมีเพียงพอต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุน
นางสาวอริยา ติรณะประกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย หรือ Thai BMA เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการเลือกตั้งเข้ามาส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนใหม่ที่จะไหลเข้ามาลงทุนชะลอตัวลงไป ซึ่งจะเห็นได้ชัดในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอการลงทุนไปบ้างแล้ว นอกจากนี้ยังรวมไปถึงปัญหาหนี้สินของกรีซด้วย
ทั้งนี้ ยอดถือครองของนักลงทุนต่างชาติในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ลดลงเหลือซื้อสุทธิ 1.9 หมื่นล้านบาท จากเดือนก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิกว่า 1.63 แสนล้านบาท เพราะตราสารหนี้ส่วนใหญ่ เป็นตราสารหนี้ระยะสั้นที่ทยอยครบอายุประกอบกับเม็ดเงินลงทุนใหม่ก็ชะลอตัวลงไป
"นักลงทุนต่างชาติจะหนีจากตลาดตราสารหนี้ไทยไป เพราะเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวของเม็ดเงินลงทุนใหม่ของต่างชาติตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นมา ซึ่งเป็นช่วงที่มีหลายปัจจัยเสี่ยงในโลกและในประเทศเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการไม่ต่อมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE2 ที่จะสิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายน นี้ " นางสาวอริยากล่าว
นางสาวอริยา กล่าวต่อว่า ยอดถือครองสุทธิของต่างชาติ จะมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง แต่เป็นผลมาจากตราสารหนี้ระยะสั้นครบอายุเป็นหลัก และที่มีการขายออกไปในช่วงต้นเดือนแรกของเดือนมิถุนายนเป็นการขายในตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นหลักเช่นกัน จึงยังไม่น่ากังวลประการใด เพราะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น
ปัจจุบันก็ยังไม่พบสัญญาณผิดปกติ เพราะแรงขายที่มีออกมายังคงเป็นตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าต่างชาติขายตราสารหนี้ระยะยาว ซึ่งเป็นตราสารหนี้ ที่นักลงทุนสถาบันในประเทศไม่ค่อยนิยมลงทุนอยู่แล้ว อาจจะทำให้อัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นจะส่งผลต่อราคาตราสารหนี้ในตลาดได้
“ยอดถือครองสุทธิของต่างชาติ ยังจะมีการปรับลดลงอยู่ เนื่องจากตราสารหนี้ระยะสั้นมีการครบอายุตาม ๆ กันมา บวกกับมีการขายออกไปบ้างในช่วงต้นเดือนมิถุนายน จึงยังไม่ค่อยมีความกังวงมากนักเพราะยังคงเป็นผลกระทบในช่วงระยะสั้น ๆ เท่านั้น” นางสาวอริยากล่าว
นางสาวอริยา กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนตราสารหนี้ในบ้านเราเมื่อเทียบกับต่างชาติยังเล็กมาก แต่ผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนมีความน่าสนใจมาก และยังมีเพียงพอต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุน
