ASTVผู้จัดการรายวัน-โบรกเกอร์กองทุนรวม มองระยะสั้นสินทรัพย์เสี่ยงยังมีความผันผวน แนะนักลงทุนทยอยเก็บกองทุนทองคำเข้าพอร์ต พร้อมเตือนหลีกเลี่ยงกองทุนน้ำมันหลังผลตอบแทนที่ได้อาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงแรงอย่างน่าตกใจ -16.37 US$/bbl (-14.42%) หลังปรับตัวใกล้แนวต้านที่ 116 US$/bbl เนื่องจากความกังวลต่อตลาดแรงงานสหรัฐหลังผิดหวังจากตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงการปรับตัวขึ้นแรงของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐ ทำให้มีแรงขายทำกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์และหุ้นที่เกี่ยวข้องสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้แนวโน้มราคาน้ำมันระยะสั้นเป็นขาลงแนวรับอยู่ที่ 96 US$/bbl และ 92 US$/bbl
อย่างไรก็ตามความผันผวนของราคาน้ำมันในช่วงที่กองทุนหลัก PowerShares DB Oil Fund(DBO) จะเริ่มทำการ Rollover สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมัน อาจทำให้ผลตอบแทนที่ได้ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ เราจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนผ่านกองทุนรวมน้ำมันในช่วงนี้ เช่นเดียวกับราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ราคาทองคำหลังทำ New High ที่ 1,575.79 US$/oz ก็ได้ปรับตัวลง แต่ด้วยความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐและปัญหาหนี้ยุโรปที่สร้างความผันผวนกับค่าเงินยูโร เป็นแรงสนับสนุนราคาทองคำ ทำให้เรายังเชื่อว่าแนวโน้มราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้น แต่ระยะสั้นอาจยังเห็นความผันผวนได้ มองแนวรับไว้ที่ 1,460 US$/oz แนะนำสะสมเมื่อราคาทองคำอ่อนตัว กองทุนทองคำที่เราชอบยังคงเป็นกองทุนทองคำที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่าง K-GOLDของบลจ.กสิกรไทย (มีนโยบายจ่ายปันผล) และ ASP-GOLD ของบลจ.Asset Plus (ไม่มีการจ่ายปันผล)
นอกจากนี้การที่เศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปราะบางจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป และภาวะเงินเฟ้อในประเทศตลาดเกิดใหม่ เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น กดดันราคาสินทรัพย์เสี่ยงให้ปรับตัวลดลงแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเราคาดว่าจะยังคงเห็นความผันผวนของราคาสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น แต่ระยะยาวเรามองเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมกองทุนหุ้นที่ระยะยาวเรายังคงมองเป็นขาขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
โดยยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่ม Emerging Marketมากกว่าประเทศพัฒนาแล้วที่เราเชื่อว่าจะอ่อนไหวกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกมากกว่าในระยะยาว กองทุนแนะนำยังคงเป็นABGEM และ ABAPAC ซึ่งเรายังคงเชื่อมั่นในการเลือกบริษัทและประเทศที่เป็นเป้าหมายการลงทุน ทั้งนี้ แม้ว่าการปรับนโยบายการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อของจีนจะส่งผลให้ราคาหุ้นจีนปรับตัวลดลงแต่การควบคุมสมดุลของเศรษฐกิจจะทำให้จีนเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ดังนั้น เรายังคงแนะนำให้น้ำหนักการลงทุนในกองทุนจีนต่อไป โดยกองทุนที่แนะนำยังคงเป็น ABCG ของ Aberdeen (กองทุนหุ้นต่างประเทศที่แนะนำไม่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน) นอกจากนี้ เราแนะนำการลงทุนกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอย่าง TMB Global Bond Fundของบลจ.ทหารไทย ซึ่งกองทุนหลัก (Master Fund) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ช่วงที่ผ่านมากองทุนได้กำไรอัตราแลกเปลี่ยนจากพันธบัตรในสกุลเงินท้องถิ่น
ทั้งนี้ระยะสั้นมีโอกาสเห็นความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ เราแนะนำให้สะสมเมื่อ NAV กองทุนปรับตัวลงสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนใน LTF หลังจากปรับตัวลดลงแรงในสัปดาห์ที่แล้ว อาจเห็นการรีบาวด์ในสัปดาห์นี้ แต่ระยะสั้นเรายังมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาส ปรับตัวเป็นขาลงได้ ดังนั้น เรายังคงแนะนำกองทุน LTF ความผันผวนต่ำอย่างเช่นกองทุน 1SMART-LTF ของบลจ.วรรณ และกองทุนKSDLTF ของบลจ.กสิกรไทย (การสับเปลี่ยนอาจมีค่าใช้จ่าย โปรดตรวจสอบก่อนการตัดสินใจ) เป็นเป้าหมายในการสับเปลี่ยนกองทุน LTFและแนะนำ Wait and See สำหรับการลงทุน LTF ในปีนี้
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงแรงอย่างน่าตกใจ -16.37 US$/bbl (-14.42%) หลังปรับตัวใกล้แนวต้านที่ 116 US$/bbl เนื่องจากความกังวลต่อตลาดแรงงานสหรัฐหลังผิดหวังจากตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงการปรับตัวขึ้นแรงของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐ ทำให้มีแรงขายทำกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์และหุ้นที่เกี่ยวข้องสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้แนวโน้มราคาน้ำมันระยะสั้นเป็นขาลงแนวรับอยู่ที่ 96 US$/bbl และ 92 US$/bbl
อย่างไรก็ตามความผันผวนของราคาน้ำมันในช่วงที่กองทุนหลัก PowerShares DB Oil Fund(DBO) จะเริ่มทำการ Rollover สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมัน อาจทำให้ผลตอบแทนที่ได้ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ เราจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนผ่านกองทุนรวมน้ำมันในช่วงนี้ เช่นเดียวกับราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ราคาทองคำหลังทำ New High ที่ 1,575.79 US$/oz ก็ได้ปรับตัวลง แต่ด้วยความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐและปัญหาหนี้ยุโรปที่สร้างความผันผวนกับค่าเงินยูโร เป็นแรงสนับสนุนราคาทองคำ ทำให้เรายังเชื่อว่าแนวโน้มราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้น แต่ระยะสั้นอาจยังเห็นความผันผวนได้ มองแนวรับไว้ที่ 1,460 US$/oz แนะนำสะสมเมื่อราคาทองคำอ่อนตัว กองทุนทองคำที่เราชอบยังคงเป็นกองทุนทองคำที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่าง K-GOLDของบลจ.กสิกรไทย (มีนโยบายจ่ายปันผล) และ ASP-GOLD ของบลจ.Asset Plus (ไม่มีการจ่ายปันผล)
นอกจากนี้การที่เศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปราะบางจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป และภาวะเงินเฟ้อในประเทศตลาดเกิดใหม่ เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น กดดันราคาสินทรัพย์เสี่ยงให้ปรับตัวลดลงแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเราคาดว่าจะยังคงเห็นความผันผวนของราคาสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น แต่ระยะยาวเรามองเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมกองทุนหุ้นที่ระยะยาวเรายังคงมองเป็นขาขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
โดยยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่ม Emerging Marketมากกว่าประเทศพัฒนาแล้วที่เราเชื่อว่าจะอ่อนไหวกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกมากกว่าในระยะยาว กองทุนแนะนำยังคงเป็นABGEM และ ABAPAC ซึ่งเรายังคงเชื่อมั่นในการเลือกบริษัทและประเทศที่เป็นเป้าหมายการลงทุน ทั้งนี้ แม้ว่าการปรับนโยบายการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อของจีนจะส่งผลให้ราคาหุ้นจีนปรับตัวลดลงแต่การควบคุมสมดุลของเศรษฐกิจจะทำให้จีนเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ดังนั้น เรายังคงแนะนำให้น้ำหนักการลงทุนในกองทุนจีนต่อไป โดยกองทุนที่แนะนำยังคงเป็น ABCG ของ Aberdeen (กองทุนหุ้นต่างประเทศที่แนะนำไม่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน) นอกจากนี้ เราแนะนำการลงทุนกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอย่าง TMB Global Bond Fundของบลจ.ทหารไทย ซึ่งกองทุนหลัก (Master Fund) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ช่วงที่ผ่านมากองทุนได้กำไรอัตราแลกเปลี่ยนจากพันธบัตรในสกุลเงินท้องถิ่น
ทั้งนี้ระยะสั้นมีโอกาสเห็นความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ เราแนะนำให้สะสมเมื่อ NAV กองทุนปรับตัวลงสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนใน LTF หลังจากปรับตัวลดลงแรงในสัปดาห์ที่แล้ว อาจเห็นการรีบาวด์ในสัปดาห์นี้ แต่ระยะสั้นเรายังมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาส ปรับตัวเป็นขาลงได้ ดังนั้น เรายังคงแนะนำกองทุน LTF ความผันผวนต่ำอย่างเช่นกองทุน 1SMART-LTF ของบลจ.วรรณ และกองทุนKSDLTF ของบลจ.กสิกรไทย (การสับเปลี่ยนอาจมีค่าใช้จ่าย โปรดตรวจสอบก่อนการตัดสินใจ) เป็นเป้าหมายในการสับเปลี่ยนกองทุน LTFและแนะนำ Wait and See สำหรับการลงทุน LTF ในปีนี้