xs
xsm
sm
md
lg

กูรูมองราคาน้ำมันอาจแตะ$110/bl แนะเก็บ2กองเด่นK-OIL,ASP-OIL

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-นักวิเคราะห์กองทุนรวม มองระยะสั้นราคาน้ำมันอาจพุ่งสูงถึง 110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาลเรล์ หากยังมีจราจลในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ขณะที่ราคาทองคำก็ยังพุ่งสูงต่อเนื่อง พร้อมแนะนักลงทุนเก็บกองทุน K-OIL,K-GOLDของบลจ.กสิกรไทย รวมถึงกองทุน ASP-OIL,ASP-GOLDของบลจ.แอสเซทพลัสเข้าพอร็ต

นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันและราคาทองคำนั้นยังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากสัปดาห์ก่อนหน้ามากนัก โดยความไม่สงบทางการเมืองในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือยังคงดำเนินต่อไป ทำให้ราคาน้ำมันยังคงปรับตัวขึ้นทำ New High ปิดที่ 104.42 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาลเรล์ ต่อเนื่องในสัปดาห์ที่แล้ว และผ่านแนวต้านที่ 102 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาลเรล์ ซึ่งเราคาดว่าราคาน้ำมันจะยังคงปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านระยะสั้นที่ 110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาลเรล์ เเละถัดไปที่ 125 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาลเรล์ แนะนำเก็งกำไรและขายเมื่อใกล้แนวต้าน กองทุนที่แนะนำยังคงเป็นกองทุนที่ใช้ราคา NAV ของกองทุน DBO ในคืนวันซื้อขายในการอ้างอิงอย่างเช่นกองทุน KOIL บลจ.กสิกรไทย และ ASP-OIL ของบลจ.แอสเซทพลัส

ขณะที่ราคาทองคำเรายังคงคำแนะนำทยอยสะสมในฐานะสินทรัยพ์ปลอดภัยและป้องกันเงินเฟ้อต่อไปและคงมุมมองระยะกลาง-ยาว ราคาทองคำผ่านจุดสูงสุดเดิมที่ 1,430 ดอลลาร์สหรัฐต่ออนซ์ ได้ เรามองแนวโน้มราคาทองคำมีโอกาสทดสอบเป้าหมาย 1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่ออนซ์ กองทุนทองคำแนะนำK-GOLD ของบลจ.กสิกรไทย (มีนโยบายจ่ายปันผล) และ ASP-GOLD ของบลจ.แอสเซทพลัส (ไม่มีการจ่ายปันผล) ทั้งนี้ ทั้งสองกองมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน

สำหรับการลงทุนกองทุน LTF ตลาดหุ้นไทยแนวโน้มยังคงเคลื่อนไหว Sideway ในกรอบจำกัด ปัจจัยทั้งภายในและภายนอกมีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้นเรายังคงแนะนำให้ถือกองทุน LTF ความเสี่ยงต่ำต่อไป ได้แก่1SMART-LTF ของบลจ.วรรณ และกองทุน KSDLTF (K Strategic Defensive LTF) ของบลจ.กสิกรไทย สำหรับการลงทุนระยะยาว เรายังคงเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศตลาดเกิดใหม่มากกว่ากลุ่ม G3 (สหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น) แม้ว่าระยะสั้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่จะยังถูกกดดันด้วยประเด็นเงินเฟ้อ ซึ่งเรามองว่าไม่ใช่ทุกประเทศที่จะมีปัญหาในการดำเนินการควบคุมเงินเฟ้อ นักลงทุนที่กังวลในประเด็นดังกล่าวแนะนำให้กระจายการลงทุน โดยกองทุนที่แนะนำยังคงเป็น ABGEM และ ABAPAC ของบลจ. Aberdeen

ส่วนการลงทุนในประเทศจีน โดยเฉพาะตลาดหุ้นนั้น เรายังคงชื่นชอบการเติบโตที่แข็งแกร่งและโดดเด่นของจีน และในแง่เงินเฟ้อเราเชื่อว่าจะเห็นการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ในระยะสั้นดัชนีเซี่ยงไฮ้ A-share ยังมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น แนะนำ "เก็งกำไร" กองทุน TMBCHEQ ของบลจ.ทหารไทย แต่ขอย้ำว่าการลงทุนในจีนเหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างสูงและไม่กลัวความผันผวนในระยะสั้น สำหรับการลงทุนระยะยาวในกองทุนจีน ยังคงแนะนำABCG ของ Aberdeen ตามเดิม ส่วนตราสารหนี้เราก็ยังเน้นตลาดเกิดใหม่เช่นเดิม โดยกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศแนะนำเป็น TMB GlobalBond Fund ของบลจ.ทหารไทย โดยกองทุนหลัก (Master Fund) ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งและไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากวิกฤติหนี้ในกลุ่มยูโรโซน

อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาค่าเงินดอลล่าร์อ่อนตัวลงต่ออีก 1.13% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันและทองคำ ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันและทองคำในระยะนี้ยังคงได้แก่สถานการณ์ในลิเบียและตะวันออกกลาง-แอฟริกาเหนือ ซึ่งปัญหาที่ยังคงยืดเยื้อทำให้ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนเมย.54 ปิดที่104.42 US$/bbl (+6.68%) สูงสุดนับตั้งแต่ตค.51

ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีจากปัญหาในลิเบีย สร้างความกังวลว่าจะบั่นทอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทำใหช่วงต้นสัปดาห์ ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวอิงไปในทางลบ อย่างไรก็ดี ในสหรัฐ ตัวเลขภาคแรงงานที่ออกมาดีช่วยเรียกความมั่นใจของนักลงทุนกลับคืนมา เริ่มต้นด้วยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศที่เพิ่มขึ้น217,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ.ดีกว่าคาดการณ์ที่ 175,000 ตำแหน่ง ในวันถัดมากระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ลดลง 20,000 ราย สู่ 368,000 ราย ดีกว่าตลาดที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10,000 ราย และมีรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกพ.เพิ่มขึ้น 192,000 ตำแหน่งดีกว่า consensus ที่ 185,000 และอัตราการว่างงานลดลงมาอยู่ที่ 8.9% ต่ำสุดนับตั้งแต่เม.ย. 52
กำลังโหลดความคิดเห็น