xs
xsm
sm
md
lg

เงินต่างชาติหนุนหุ้นไทยพุ่ง กูรูคาดดัชนีSETวิ่ง1,100จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ฟิลลิปเผย เงินต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นเอเชียติดต่อกัน เป็นสัปดาห์ที่ 2 นักวิเคราะห์กองทุนรวมประเมิน ระยะสั้นแนวโน้มหุ้นไทยยังเป็นขาขึ้น คาดดัชนีวิ่ง1,100 จุด แนวรับที่อยู่ที่ 1,040 จุด

นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ว่าปัจจัยปัญหาหนี้ยุโรป ความวุ่นวายในตะวันออกกลาง รวมถึงสถานการณ์โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในญี่ปุ่นยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แต่ระยะสั้นแนวโน้มหุ้นในภูมิภาคเอเชียรวมถึงไทยกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง โดยกระแสเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาในภูมิภาคเป็นสัปดาห์ที่ 2 และคาดว่าจะยังคงไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระยะสั้นแนวโน้มเป็นขาขึ้น เรามอง SETI แนวต้านอยู่ที่ 1,100จุด เเละแนวรับที่ 1,040 จุด

อย่างไรก็ตาม ระยะกลางแม้ว่าตลาดจะกลับมามีแนวโน้มที่ดี แต่เรายังคงกังวลต่อปัจจัยภายนอกที่มีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้น ในระยะกลาง-ยาว ยังคงต้องระมัดระวังการลงทุนโดยจับตามองปัจจัยภายนอกอย่างใกล้ชิด ขณะที่เรายังคงแนะนำเริ่มพิจารณาทยอยสับเปลี่ยนกองทุน LTF ไปยังกองทุน LTF ที่มีความผันผวนต่ำอย่าง 1SMART-LTF ของบลจ.วรรณและกองทุน KSDLTFของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งการสับเปลี่ยนอาจมีค่าใช้จ่าย โปรดตรวจสอบก่อนการตัดสินใจ

ทั้งนี้การลงทุนระยะยาว ยังคงเน้นกองทุนที่ลงทุนในกลุ่ม Emerging Market เป็นหลักตามเดิม ด้วยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในกลุ่ม EmergingMarket มากกว่ากลุ่ม G3 (สหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น) กองทุนที่แนะนำยังคงเป็น ABGEM และ ABAPAC สำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบ growthstory ของจีน ยังคงแนะนำ TMBCHEQ สำหรับการเก็งกำไรหุ้น A-share โดยเรามอง Shanghai A-share index มีแนวต้านที่ 3,300 จุดและแนวรับที่ 3,020 จุด

ส่วนการลงทุนระยะยาวแนะนำกองทุน ABCG ของ Aberdeen แต่ขอย้ำว่าการลงทุนในจีนเหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างสูงเท่านั้น (กองทุนหุ้นต่างประเทศที่แนะนำไม่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน) ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เราแนะนำให้กระจายการลงทุนไปยังกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่เน้นตลาดเกิดใหม่อย่างเช่น TMBGlobal Bond Fund ของบลจ.ทหารไทย ซึ่งกองทุนหลัก (Master Fund) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง

สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯนั้นนักลงทุนดูจะอ่อนไหวน้อยลงกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมทั้งปฏิบัติการยับยั้งวิกฤตินิวเคลียร์ของญี่ปุ่น ทำให้บรรยากาศโดยรวมในตลาดโลกดูดีขึ้น โดยในสหรัฐ ตัวเลขแรงงานช่วยหนุนตลาดหุ้น เริ่มจากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลง 6,000 ราย มาอยู่ที่ 388,000 ราย แม้ลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลง14,000 ราย แต่แนวโน้มโดยรวมยังแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัว ถัดมาเป็นตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมีค.54 ที่เพิ่มขึ้นถึง 216,000 ตำแหน่ง ดีกว่าคาดการณ์ของตลาด ที่ 190,000 ตำแหน่งและอัตราการว่างงานอยู่เดือนมีค.อยู่ที่ 8.8% ต่ำสุดในรอบ2 ปี

ขณะที่ยุโรป แม้ยังมีปัจจัยในภูมิภาคซึ่งได้แก่ สถาการณ์หนี้และยอดขาดดุลการคลังในระดับสูงของประเทศต่างๆกดดันอยู่โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดจับตาผล stress test ของไอร์แลนด์ ขณะที่โปรตุเกสเปิดเผยยอดขาดดุลการคลังปี 53 ที่ 8.6% ของ GDP สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7.3%แต่คาดการณ์ที่ว่า ECB จะปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 7 เมษายน นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น