ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ. ธนชาต ชี้หุ้นประเทศพัฒนาแล้วเริ่มกลับมาคึกคัก หลังเงินลงทุนทยอยไหลเข้าต่อเนื่อง ล่าสุด เปิดตัวกองทุนเปิด “ธนชาต Global Equity Fund” เน้นลงทุนหุ้นทั่วโลก จุดเด่นเน้นปรับเปลี่ยนผู้จัดการกองทุนได้ทุกเมื่อตามสถานการณ์ เริ่มไอพีโอ 27 เม.ย. - 4 พ.ค.นี้
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนในหุ้นเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ายังคงมีความผันผวนอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากสภาวะเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในช่วงไตรมาส 2 นี้ตลาดหุ้นได้เริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้น ล่าสุด บริษัทได้เสนอกองทุน เปิดธนชาต Global Equity Fund เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวมีขนาดกองทุน 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มเปิดขายไอพีโอประมาณวันที่ 27 เมษายน - 4 พฤษภาคม 2554 นี้
โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหุ้นต่างประเทศ ซึ่งกองทุนดังกล่าวสามารถเข้าไปลงทุนในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ขณะเดียวกันในบางช่วงอาจะเน้นลงทุนในเฉพาะประเทศ หรือกลุ่มประเทศ รวมถึงประเทศ และกลุ่มธุรกิจเป็นต้น โดยบลจ. ธนชาต เป็นผู้จัดสรรน้ำหนักการลงทุนและมีบริษัท LGT เป็นที่ปรึกษาทางด้านการคัดเลือกผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ รวมถึงการลงทุนและการจัดสรรน้ำหนักในการลงทุน
ด้าน Mr. Andrew Hua, CFA Head Of Investment Advisory, LGT Investment Management (Asia) กล่าวว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้ตลาดหุ้นในต่างประเทศขณะนี้หลัก ๆ คือ เศรษฐกิจโลกเริ่มมีฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีผลไปจนถึง ปี 2012 ด้วย โดยมีตัวชี้นำหลาย ๆ ตัวที่บ่งชี้ เช่น ปริมาณการของโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากการลงทุนและสั่งซื้อเครื่องจักรอุปกรณ์ โดยภูมิภาคหลัก ๆ ที่ผลักดันการเติบโตของโลกในขณะนี้คือ สหรัฐฯ และตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาจะมีเหตุภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่นเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้น ๆ เท่านั้น นอกจากนี้แล้วสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเติบโตในตลาดโลกคือ บริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศ มีผลประกอบการที่ดี กำไรมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง และมีเงินสดที่เหลือเยอะมาก ทำให้มีโอกาสซื้อหุ้นกลับคืนมา ขณะเดียวกันมุมมองหนึ่งที่ผู้ลงทุนมองคือ เริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นเพราะจะเห็นว่ามีเงินไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นต่างประเทศแล้ว นอกจากนี้การลงทุนในหุ้นจะช่วยป้องกันเงินเฟ้อที่กำลังจะเพิ่มขึ้น และยังเป็นปัญหาในขณะนี้
“หุ้นยังมีความน่าสนใจในการลงทุนเมื่อเปรียบเทียบกับหลักทรัพย์ประเภทอื่น ๆ โดยเฉพาะในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำเช่นนี้ และราคาหุ้นในต่างประเทศยังไม่แพง โดยกองทุน Global Equity Fund จึงมีความน่าสนใจ เพราะจะเห็นได้ว่าพีอีในขณะนี้อยูที่ประมาณ 11.9 เท่า ซึ่งระดับใกล้ ๆ กับระดับต่ำสุดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และการที่หุ้นของบริษัทจดทะเบียนมีระดับราคาต่ำ ๆ แบบนี้ส่งผลให้บริษัทเหล่านั้นมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมีเงินสดเหลือมาก และมีโอกาสที่จะเกิดการซื้อหุ้นกลับตลาด ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นในต่างประเทศ”
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วง 7 - 8 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นมีความคึกคักมากในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งมีเงินลงทุนไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก รวมทั้งหลังวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ตลาดที่พัฒนาแล้วเริ่มมีเงินลงทุนไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดว่า เงินลงทุนเริ่มเปลี่ยนทิศทางจากการไหลเข้าจากตลาดเกิดใหม่มาที่ตลาดพัฒนาแล้ว และในช่วงเศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัวขณะนี้ จึงมีแนวโน้มที่ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์จะให้ผลตอบแทนทีดีกว่าตรสารประเภทอื่น ๆ
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนในหุ้นเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ายังคงมีความผันผวนอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากสภาวะเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในช่วงไตรมาส 2 นี้ตลาดหุ้นได้เริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้น ล่าสุด บริษัทได้เสนอกองทุน เปิดธนชาต Global Equity Fund เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวมีขนาดกองทุน 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มเปิดขายไอพีโอประมาณวันที่ 27 เมษายน - 4 พฤษภาคม 2554 นี้
โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหุ้นต่างประเทศ ซึ่งกองทุนดังกล่าวสามารถเข้าไปลงทุนในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ขณะเดียวกันในบางช่วงอาจะเน้นลงทุนในเฉพาะประเทศ หรือกลุ่มประเทศ รวมถึงประเทศ และกลุ่มธุรกิจเป็นต้น โดยบลจ. ธนชาต เป็นผู้จัดสรรน้ำหนักการลงทุนและมีบริษัท LGT เป็นที่ปรึกษาทางด้านการคัดเลือกผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ รวมถึงการลงทุนและการจัดสรรน้ำหนักในการลงทุน
ด้าน Mr. Andrew Hua, CFA Head Of Investment Advisory, LGT Investment Management (Asia) กล่าวว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้ตลาดหุ้นในต่างประเทศขณะนี้หลัก ๆ คือ เศรษฐกิจโลกเริ่มมีฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีผลไปจนถึง ปี 2012 ด้วย โดยมีตัวชี้นำหลาย ๆ ตัวที่บ่งชี้ เช่น ปริมาณการของโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากการลงทุนและสั่งซื้อเครื่องจักรอุปกรณ์ โดยภูมิภาคหลัก ๆ ที่ผลักดันการเติบโตของโลกในขณะนี้คือ สหรัฐฯ และตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาจะมีเหตุภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่นเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้น ๆ เท่านั้น นอกจากนี้แล้วสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเติบโตในตลาดโลกคือ บริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศ มีผลประกอบการที่ดี กำไรมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง และมีเงินสดที่เหลือเยอะมาก ทำให้มีโอกาสซื้อหุ้นกลับคืนมา ขณะเดียวกันมุมมองหนึ่งที่ผู้ลงทุนมองคือ เริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นเพราะจะเห็นว่ามีเงินไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นต่างประเทศแล้ว นอกจากนี้การลงทุนในหุ้นจะช่วยป้องกันเงินเฟ้อที่กำลังจะเพิ่มขึ้น และยังเป็นปัญหาในขณะนี้
“หุ้นยังมีความน่าสนใจในการลงทุนเมื่อเปรียบเทียบกับหลักทรัพย์ประเภทอื่น ๆ โดยเฉพาะในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำเช่นนี้ และราคาหุ้นในต่างประเทศยังไม่แพง โดยกองทุน Global Equity Fund จึงมีความน่าสนใจ เพราะจะเห็นได้ว่าพีอีในขณะนี้อยูที่ประมาณ 11.9 เท่า ซึ่งระดับใกล้ ๆ กับระดับต่ำสุดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และการที่หุ้นของบริษัทจดทะเบียนมีระดับราคาต่ำ ๆ แบบนี้ส่งผลให้บริษัทเหล่านั้นมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมีเงินสดเหลือมาก และมีโอกาสที่จะเกิดการซื้อหุ้นกลับตลาด ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นในต่างประเทศ”
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วง 7 - 8 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นมีความคึกคักมากในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งมีเงินลงทุนไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก รวมทั้งหลังวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ตลาดที่พัฒนาแล้วเริ่มมีเงินลงทุนไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดว่า เงินลงทุนเริ่มเปลี่ยนทิศทางจากการไหลเข้าจากตลาดเกิดใหม่มาที่ตลาดพัฒนาแล้ว และในช่วงเศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัวขณะนี้ จึงมีแนวโน้มที่ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์จะให้ผลตอบแทนทีดีกว่าตรสารประเภทอื่น ๆ