ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.ธนชาต แนะนักลงทุนทยอยลงทุนกองทุนหุ้นในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงกองทุนน้ำมันและกองทุนทองคำ มั่นใจกระจายลงทุนในสินทรัพย์ทั้ง 3 อย่างช่วยให้ผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อได้ พร้อมมองกองทุน "ธนชาต Global Equity Fund" ช่วยตอบโจทย์
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด กล่าวว่า ช่วงหลังวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ นักลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยสูงมาก ๆ เพราะความกลัว ทำให้ช่วงนั้นพันธบัตรรัฐบาลหรือกองทุนตลาดเงินเงินไหลเข้าอย่างมหาศาล 2 ปีที่ผ่าน มาถึงตอนนี้ที่โลกฟื้นตัวสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ได้แก่ ทองคำ และ น้ำมัน ปรับตัวได้ดีแม้จะมีปัจจัยเสี่ยงเข้ามากระทบ เช่น ความไม่สงบในตะวันออกกลาง แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ
โดยปัจจัยเกื้อหนุนที่ทำให้การลงทุนประเภทที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เช่น หุ้นในต่างประเทศ ปรับตัวได้ดี ก็คือ การฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลกโดยรวม รวมถึงปัจจัยบวกอื่น ๆ เช่น การขยายตัวในอัตราที่สูงของเศรษฐกิจโดยเฉพาะ จีน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สภาพคล่องส่วนเกินในระบบที่ต้องการหาที่ลงทุน ทั้งนี้หุ้น เป็นสินทรัพย์ที่จะยังมีโอกาสดีต่อเนื่องในปี 2011 จากปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ที่เห็นได้ชัด คือ ผลการประกอบการที่ขยายตัวดีของบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแรงในต่างประเทศ แม้หุ้นจะขึ้นมามาก แต่กำไรก็ฟื้นตัวสูงด้วย ความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีโอกาสน้อย โดยหุ้นในประเทศพัฒนาแล้วจะเริ่มฟื้นตัวไล่ตามหุ้นในประเทศกำลังพัฒนาที่ปรับตัวขึ้นมาก่อน โอกาสแบบนี้ยิ่งน่าสนใจขึ้นเมื่อประกอบกับผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงต่ำ เช่น ตราสารหนี้ อยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้หุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว ผลกำไรเติบโต และชนะเงินเฟ้อ เน้นหุ้นคุณภาพขนาดใหญ่ในประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ และเฉพาะประเทศหลัก ๆ ในยุโรป โดยเฉพาะในหุ้นของบริษัทที่มียอดขายมาจากหลายประเทศทั่วโลก หรือ Multinational Firms และหุ้นในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งยังมีจุดแข็งด้านการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว เป็น Long-Term Overweight จากการเติบโตที่สูงกว่าบางภูมิภาค หุ้นในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในแต่ละประเทศ จะ Perform แตกต่างกัน ต้องแยกแยะของดี ของไม่ดี ไม่เหมารวม เช่น ในยุโรปที่บางประเทศมีปัญหาหนี้สินล้นพ้น แต่ก็มีประเทศที่แข็งแรงและน่าสนใจลงทุนอยู่ เช่น เยอรมัน
ขณะที่แนวโน้มสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ หรือน้ำมัน นั้น ยังมีมุมมองบวก ที่ผ่านมาราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยขึ้นมาแล้วโดยเฉลี่ย 18% จากต้นปี (เพิ่มขึ้น 20% ปี 2010) โดยราคาพลังงานปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยสินค้าโภคภัณฑ์มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ดีในปีนี้ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การลดลงของซัพพลายน้ำมันจากปัญหาในตะวันออกกลางและแอฟริกา ค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มอ่อนค่า ส่วนทองคำ โลหะอุตสาหกรรม และสินค้าเกษตรยังมองบวกในระยะยาว หากเกิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อนานๆ จะกระตุ้นให้คนถือสินทรัพย์ที่สามารถรักษาอำนาจซื้อไว้ได้ ซึ่งภาวะเช่นนี้เอื้อต่อทองคำ
น้ำมันยังคงมีโอกาสจะสูงต่อเนื่องในระยะกลาง ปัจจัยที่ควรระวังคือการปรับฐานหากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง แอฟริกา คลี่คลายลง
ส่วนปัจจัยที่อาจจะทำให้ภาพอาจจะเปลี่ยนไปก็เช่น ความเสี่ยงที่หากสถานการณ์เกิดเกินคาดในตะวันออกกลางและแอฟริกา ซึ่งอาจมีผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงโดยเฉพาะความไม่สงบในลิเบีย เยเมน บาห์เรน ซีเรีย ซึ่งอาจจะนำไปสู่เศรษฐกิจชะลอตัวหรือถดถอย เงินเฟ้อ การเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายการเงินอย่างรวดเร็วซึ่งกระทบต่อสภาพคล่อง
นายบุญชัย กล่าวต่อว่า ในตลาดแบบนี้เรา มองว่าการลงทุนในระยะฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แม้จะยังต้องรอประเทศพัฒนาแล้วบางกลุ่ม อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ สภาพคล่องในระบบการเงินที่สูงมาก จึงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ มากกว่าตราสารความเสี่ยงต่ำ โดยผู้ลงทุนควรผสมการลงทุนในการลงทุนหลาย ๆ ประเภท ตามสัดส่วนที่เหมาะสมกับตัวเองเพราะ กลุ่มสินทรัพย์ที่จะให้ผลตอบแทนดีในแต่ละช่วงเวลา ยากที่จะคาดการณ์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ การย้ายเงินลงทุนทั้งหมดไปเรื่อย ๆ เพื่อหาสินทรัพย์ที่คาดว่าจะได้ผลตอบแทนสูงสุดเพียงสินทรัพย์เดียว ในแต่ละช่วงเวลา เสี่ยงต่อความผิดพลาดหากไม่เป็นไปตามคาด เพราะการลงทุนมีการกระจุกตัวสูง การผสมการลงทุนในการลงทุน หลาย ๆ ประเภทเป็นทางเลือกในการรักษาโอกาสการลงทุนใน market cycles ที่เปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้บลจ.กำลังอยู่ในช่วงเสนอกองทุนเปิดธนชาต Global Equity Fund เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวมีขนาดกองทุน 1,000 ล้านบาท ซึ่งเริ่มเปิดขายไอพีโอตั้งแต่วันนี้ถึ 4 พฤษภาคม 2554 นี้ มูลค่าขั้นต่ำการสั่งซื้อ 1,000 บาท โดยกองทุนดังกล่าวมีจุดเด่นเน้นสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนตามสถานการณ์ นโยบายการลงทุนที่กว้างสามารถกระจายการลงทุนได้ทั่วโลก ที่มีโอกาส มีศักยภาพ ไม่มีข้อจำกัดเรื่องภูมิภาค ประเทศหรือกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมสรรหาผู้จัดการกองทุนและกองทุนต่างประเทศ ที่มีความชำนาญโดดเด่น
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด กล่าวว่า ช่วงหลังวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ นักลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยสูงมาก ๆ เพราะความกลัว ทำให้ช่วงนั้นพันธบัตรรัฐบาลหรือกองทุนตลาดเงินเงินไหลเข้าอย่างมหาศาล 2 ปีที่ผ่าน มาถึงตอนนี้ที่โลกฟื้นตัวสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ได้แก่ ทองคำ และ น้ำมัน ปรับตัวได้ดีแม้จะมีปัจจัยเสี่ยงเข้ามากระทบ เช่น ความไม่สงบในตะวันออกกลาง แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ
โดยปัจจัยเกื้อหนุนที่ทำให้การลงทุนประเภทที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เช่น หุ้นในต่างประเทศ ปรับตัวได้ดี ก็คือ การฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลกโดยรวม รวมถึงปัจจัยบวกอื่น ๆ เช่น การขยายตัวในอัตราที่สูงของเศรษฐกิจโดยเฉพาะ จีน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สภาพคล่องส่วนเกินในระบบที่ต้องการหาที่ลงทุน ทั้งนี้หุ้น เป็นสินทรัพย์ที่จะยังมีโอกาสดีต่อเนื่องในปี 2011 จากปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ที่เห็นได้ชัด คือ ผลการประกอบการที่ขยายตัวดีของบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแรงในต่างประเทศ แม้หุ้นจะขึ้นมามาก แต่กำไรก็ฟื้นตัวสูงด้วย ความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีโอกาสน้อย โดยหุ้นในประเทศพัฒนาแล้วจะเริ่มฟื้นตัวไล่ตามหุ้นในประเทศกำลังพัฒนาที่ปรับตัวขึ้นมาก่อน โอกาสแบบนี้ยิ่งน่าสนใจขึ้นเมื่อประกอบกับผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงต่ำ เช่น ตราสารหนี้ อยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้หุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว ผลกำไรเติบโต และชนะเงินเฟ้อ เน้นหุ้นคุณภาพขนาดใหญ่ในประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ และเฉพาะประเทศหลัก ๆ ในยุโรป โดยเฉพาะในหุ้นของบริษัทที่มียอดขายมาจากหลายประเทศทั่วโลก หรือ Multinational Firms และหุ้นในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งยังมีจุดแข็งด้านการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว เป็น Long-Term Overweight จากการเติบโตที่สูงกว่าบางภูมิภาค หุ้นในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในแต่ละประเทศ จะ Perform แตกต่างกัน ต้องแยกแยะของดี ของไม่ดี ไม่เหมารวม เช่น ในยุโรปที่บางประเทศมีปัญหาหนี้สินล้นพ้น แต่ก็มีประเทศที่แข็งแรงและน่าสนใจลงทุนอยู่ เช่น เยอรมัน
ขณะที่แนวโน้มสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ หรือน้ำมัน นั้น ยังมีมุมมองบวก ที่ผ่านมาราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยขึ้นมาแล้วโดยเฉลี่ย 18% จากต้นปี (เพิ่มขึ้น 20% ปี 2010) โดยราคาพลังงานปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยสินค้าโภคภัณฑ์มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ดีในปีนี้ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การลดลงของซัพพลายน้ำมันจากปัญหาในตะวันออกกลางและแอฟริกา ค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มอ่อนค่า ส่วนทองคำ โลหะอุตสาหกรรม และสินค้าเกษตรยังมองบวกในระยะยาว หากเกิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อนานๆ จะกระตุ้นให้คนถือสินทรัพย์ที่สามารถรักษาอำนาจซื้อไว้ได้ ซึ่งภาวะเช่นนี้เอื้อต่อทองคำ
น้ำมันยังคงมีโอกาสจะสูงต่อเนื่องในระยะกลาง ปัจจัยที่ควรระวังคือการปรับฐานหากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง แอฟริกา คลี่คลายลง
ส่วนปัจจัยที่อาจจะทำให้ภาพอาจจะเปลี่ยนไปก็เช่น ความเสี่ยงที่หากสถานการณ์เกิดเกินคาดในตะวันออกกลางและแอฟริกา ซึ่งอาจมีผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงโดยเฉพาะความไม่สงบในลิเบีย เยเมน บาห์เรน ซีเรีย ซึ่งอาจจะนำไปสู่เศรษฐกิจชะลอตัวหรือถดถอย เงินเฟ้อ การเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายการเงินอย่างรวดเร็วซึ่งกระทบต่อสภาพคล่อง
นายบุญชัย กล่าวต่อว่า ในตลาดแบบนี้เรา มองว่าการลงทุนในระยะฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แม้จะยังต้องรอประเทศพัฒนาแล้วบางกลุ่ม อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ สภาพคล่องในระบบการเงินที่สูงมาก จึงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ มากกว่าตราสารความเสี่ยงต่ำ โดยผู้ลงทุนควรผสมการลงทุนในการลงทุนหลาย ๆ ประเภท ตามสัดส่วนที่เหมาะสมกับตัวเองเพราะ กลุ่มสินทรัพย์ที่จะให้ผลตอบแทนดีในแต่ละช่วงเวลา ยากที่จะคาดการณ์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ การย้ายเงินลงทุนทั้งหมดไปเรื่อย ๆ เพื่อหาสินทรัพย์ที่คาดว่าจะได้ผลตอบแทนสูงสุดเพียงสินทรัพย์เดียว ในแต่ละช่วงเวลา เสี่ยงต่อความผิดพลาดหากไม่เป็นไปตามคาด เพราะการลงทุนมีการกระจุกตัวสูง การผสมการลงทุนในการลงทุน หลาย ๆ ประเภทเป็นทางเลือกในการรักษาโอกาสการลงทุนใน market cycles ที่เปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้บลจ.กำลังอยู่ในช่วงเสนอกองทุนเปิดธนชาต Global Equity Fund เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวมีขนาดกองทุน 1,000 ล้านบาท ซึ่งเริ่มเปิดขายไอพีโอตั้งแต่วันนี้ถึ 4 พฤษภาคม 2554 นี้ มูลค่าขั้นต่ำการสั่งซื้อ 1,000 บาท โดยกองทุนดังกล่าวมีจุดเด่นเน้นสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนตามสถานการณ์ นโยบายการลงทุนที่กว้างสามารถกระจายการลงทุนได้ทั่วโลก ที่มีโอกาส มีศักยภาพ ไม่มีข้อจำกัดเรื่องภูมิภาค ประเทศหรือกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมสรรหาผู้จัดการกองทุนและกองทุนต่างประเทศ ที่มีความชำนาญโดดเด่น