ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.เอ็มเอฟซี เดินเกมสู้ดอกเบี้ยเงินฝากขาขึ้น จ่อเข็นกองทุนบอนด์ต่างประเทศเอาใจลูกค้า ลุยหุ้นกู้เอกชน บวกเงินฝากแบงก์ต่างชาติ ชี้จังหวะเหมาะผลตอบแทนหลังสวอปค่าเงินยังจูงใจ ล่าสุด จ่อเข็นกองทุนหุ้นลุยตลาดเกิดใหม่อีกกอง ตั้งเป้าปั้นผลตอบแทน 10% ภายใน 1 ปี
นายศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคาร ถือเป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์กันล่วงหน้าอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของบริษัทเอง สิ่งที่เราต้องทำคือ การหาผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า และมีความสมน้ำสมเนื้อระหว่างความเสี่ยงกับผลตอบแทนที่ได้ด้วย โดยเร็วๆ นี้ บริษัทเตรียมออกกองทุนตราสารหนี้เพิ่มอีก 1 กองทุน โดยมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศอายุสั้นๆ ประมาณ 6 เดือนเป็นหลัก
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผลตอบแทนจากการลงทุนต่างประเทศหลักจากหักต้นทุนป้องกันความเสี่ยงค่าเงินเป็นบาท (สวอป) แล้วยังน่าจูงใจ จึงถือเป็นโอกาสดีในการเพิ่มทางเลือกลงทุนให้ลูกค้า โดยสินทรัพย์ที่เรามองไว้ เป็นหุ้นกู้เอกชนในต่างประเทศ รวมถึงเงินฝากของธนาคารต่างประเทศอย่างเช่น UAE หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เป็นต้น ซึ่งตราสารหนี้ของประเทศเหล่านี้ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ
ล่าสุด บริษัทเตรียมเสนอขายกองทุนต่างประเทศเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนเพิ่มอีก 1 กองทุน นั่นคือ กองทุนเปิด เอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล อีเมอร์จิ้ง 10 ซีรีส์ 2 ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) ทั่วโลก เช่น ยุโรปตะวันออก ละตินอเมริกา เอเชียเป็นต้น โดยกองทุนดังกล่าวยังคงเป็นกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ ที่กำหนดเป้าหมายสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนในอัตรา 10% ภายในช่วงเวลา 1 ปี เช่นเดิม โดยกองทุนเปิด เอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล อีเมอร์จิ้ง 10 ซีรีส์ 2 นี้จะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกระหว่างวันที่ 18-28 มีนาคมนี้ ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ น.ส.ประภา ปูรณโชติไ ด้เข้า มาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี คนใหม่แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2554 ภายหลังจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เห็นชอบ โดยจะเปิดวิสัยทัศน์อย่างเป็นทางการในวันที่ 16 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ ภาระกิจสำคัญที่ กรรมการผู้จัดการคนใหม่จะต้องสานต่อคือ เป้าหมายการเติบโตของ บลจ.เอ็มเอฟซี ที่นายณรงค์ชัยอัครเศรณี ประธานกรรมการ บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ปี 2554 ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเป็น 3.36 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30% และมีรายได้เพิ่มเป็น 790 ล้านบาท โดยเน้นกลยุทธ์หลักสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์" MFC " ให้อยู่ระดับ 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรมกองทุน
สำหรับ นางประภา ก่อนหน้านี้ เคยดำรงแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย และเคยทำงานในบลจ.เอ็มเอฟซี ดูแลสายงานกองทุนสำรองเลี้ยงด้วย
นายศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคาร ถือเป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์กันล่วงหน้าอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของบริษัทเอง สิ่งที่เราต้องทำคือ การหาผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า และมีความสมน้ำสมเนื้อระหว่างความเสี่ยงกับผลตอบแทนที่ได้ด้วย โดยเร็วๆ นี้ บริษัทเตรียมออกกองทุนตราสารหนี้เพิ่มอีก 1 กองทุน โดยมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศอายุสั้นๆ ประมาณ 6 เดือนเป็นหลัก
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผลตอบแทนจากการลงทุนต่างประเทศหลักจากหักต้นทุนป้องกันความเสี่ยงค่าเงินเป็นบาท (สวอป) แล้วยังน่าจูงใจ จึงถือเป็นโอกาสดีในการเพิ่มทางเลือกลงทุนให้ลูกค้า โดยสินทรัพย์ที่เรามองไว้ เป็นหุ้นกู้เอกชนในต่างประเทศ รวมถึงเงินฝากของธนาคารต่างประเทศอย่างเช่น UAE หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เป็นต้น ซึ่งตราสารหนี้ของประเทศเหล่านี้ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ
ล่าสุด บริษัทเตรียมเสนอขายกองทุนต่างประเทศเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนเพิ่มอีก 1 กองทุน นั่นคือ กองทุนเปิด เอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล อีเมอร์จิ้ง 10 ซีรีส์ 2 ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) ทั่วโลก เช่น ยุโรปตะวันออก ละตินอเมริกา เอเชียเป็นต้น โดยกองทุนดังกล่าวยังคงเป็นกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ ที่กำหนดเป้าหมายสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนในอัตรา 10% ภายในช่วงเวลา 1 ปี เช่นเดิม โดยกองทุนเปิด เอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล อีเมอร์จิ้ง 10 ซีรีส์ 2 นี้จะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกระหว่างวันที่ 18-28 มีนาคมนี้ ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ น.ส.ประภา ปูรณโชติไ ด้เข้า มาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี คนใหม่แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2554 ภายหลังจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เห็นชอบ โดยจะเปิดวิสัยทัศน์อย่างเป็นทางการในวันที่ 16 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ ภาระกิจสำคัญที่ กรรมการผู้จัดการคนใหม่จะต้องสานต่อคือ เป้าหมายการเติบโตของ บลจ.เอ็มเอฟซี ที่นายณรงค์ชัยอัครเศรณี ประธานกรรมการ บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ปี 2554 ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเป็น 3.36 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30% และมีรายได้เพิ่มเป็น 790 ล้านบาท โดยเน้นกลยุทธ์หลักสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์" MFC " ให้อยู่ระดับ 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรมกองทุน
สำหรับ นางประภา ก่อนหน้านี้ เคยดำรงแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย และเคยทำงานในบลจ.เอ็มเอฟซี ดูแลสายงานกองทุนสำรองเลี้ยงด้วย
