xs
xsm
sm
md
lg

ก.ล.ต.มองตลาดบอนด์ผันผวน ดบ.ขาขึ้น-เงินทุนนอกตัวแปร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ก.ล.ต. เผยทิศทางตลาดตราสารหนี้ปีนี้โตเพิ่ม หลังรัฐบาลเตรียมออกพันธบัตรใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นตั้งแต่ต้นปี ด้านการซื้อ-ขายตราสารหนี้ยังผันผวน นักลงทุนปรับพอร์ตเลือกลงทุนระยะสั้นแทน

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เปิดเผยถึงทิศทางของตลาดตราสารหนี้ไทยในปีนี้ว่า การระดมทุนในตลาดตราสารหนี้น่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยรัฐบาลมีภาระที่จะต้องออกพันธบัตรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งต่าง ๆ รวมทั้งการออกพันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อรองรับการดำเนินนโยบายการเงิน

สำหรับในส่วนของหุ้นกู้ภาคเอกชนอาจมียอดระดมทุนไม่มากเท่ากับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ บริษัทจึงพากันออกหุ้นกู้กันเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันดอกเบี้ยมีทิศทางปรับตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจน สาเหตุสำคัญเกิดจากอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่เกิดไปทั่วโลก จนล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งแรกของปีเมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมาก็ได้มีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ซึ่งส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์มีการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ตามไปด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ผู้ร่วมตลาดต่างพากันคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะถูกปรับเพิ่มอีกหลายครั้งในปีนี้ การบริหารจัดการด้านต้นทุนของภาคเอกชนจึงเป็นสิ่งสำคัญ และมีความระมัดระวังมากขึ้นในการก่อหนี้ ดังนั้น ผมจึงเห็นว่าด้านการออกหุ้นกู้ไม่น่าจะคึกคักมากเหมือนปีที่ผ่านๆ มา

นายธีระชัย กล่าวต่อไปว่า ในด้านการซื้อขายตราสารหนี้จะมีความผันผวนมากขึ้น โดยมีปัจจัยสำคัญข้อแรกคือเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้มูลค่าตราสารหนี้ที่ตีราคาตามมูลค่าตลาดแล้วมีค่าลดลง ตราสารหนี้ระยะยาวจะได้รับผลกระทบมากจนมีการปรับพอร์ตการลงทุน การซื้อขายจึงอาจกระจุกตัวในตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นหลัก

สำหรับอีกปัจจัยหนึ่งที่เห็นว่ามีความสำคัญและจะก่อให้เกิดความกังวลต่อผู้ร่วมตลาด รวมทั้งหน่วยงานทางการไปตลอดทั้งปี คือ กระแสเงินทุนจากต่างประเทศที่คาดว่าจะยังคงไหลเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชียรวมถึงตลาดทุนไทย เนื่องจากเศรษฐกิจในเอเชียมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและในระดับสูง ขณะที่สหภาพยุโรปยังคงประสบปัญหาวิกฤตินโยบายการคลัง และดูเหมือนปัญหาจะลุกลามเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างต้นปีนี้มีข่าวว่าโปรตุเกสอาจต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจาก EU/IMF เช่นเดียวกับประเทศกรีซและไอร์แลนด์ พร้อมทั้งมีการวิเคราะห์กันอีกว่าประเทศสเปนอาจเป็นรายต่อไปที่จะมีปัญหาในทำนองเดียวกัน

ส่วนประเทศสหรัฐฯ ถึงแม้จะมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ก็ยังมีปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังตกต่ำอยู่และการว่างงานยังมีอัตราที่ค่อนข้างสูง ทำให้ธนาคารกลางต้องดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ด้วยการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบหรือ Quantitative Easing ไปเรื่อยๆ จนถึงกลางปีนี้ ด้วยเหตุนี้ เงินลงทุนต่างชาติจึงยังคงไหลเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้อย่างต่อเนื่องเหมือนปีที่ผ่านมา แต่ลักษณะการเคลื่อนไหวของเงินทุนต่างชาติอาจจะไม่เป็นแบบไหลเข้าทางเดียวอีกต่อไป เช่น ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของปีนี้ นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิในตลาดหุ้นแล้ว 1.47 หมื่นล้านบาท ส่วนตลาดตราสารหนี้ยังคงมียอดซื้อสุทธิ 9.1 หมื่นล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น