xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.แห่ขายบอนด์สั้นรับดบ.ขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วิน อุดมรัชตวนิชย์
บลจ.แอสเซทพลัส บลจ.ไทยพาณิชย์ และบลจ.อยุธยา พร้อมใจส่งกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 3 เดือนและ 6 เดือนเอาใจนักลงทุนชอบเสี่ยงต่ำ ชูผลตอบแทนจูงใจไม่ต่ำกว่า 2% เปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 15 กุมภาพันธ์2553

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ไทยในปีนี้เรามองว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้นน่าจะมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ตามการทยอยปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับ 3% ในช่วงปลายปี ขณะที่การคุ้มครองเงินฝากแบบเต็มจำนวนจะสิ้นสุดลงและสถาบันคุ้มครองเงินฝากจะเริ่มจำกัดวงเงินคุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อรายผู้ฝากต่อสถาบันในเดือนสิงหาคม ทำให้ต้องการลงทุนจากผู้ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ๆ จะยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า โดยบริษัทยังคงแนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นไม่เกิน 6 เดือนมากกว่าลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะยาว ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการบันทึกราคาตราสารตามราคาตลาดในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น

โดยระหว่างวันที่ 9-15 กุมภาพันธ์ นี้ บลจ.แอสเซท พลัส จะเสนอขาย IPO กองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้ 8 (ASP-ACFIXED8) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ไทยที่เปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยในรอบการลงทุนแรกนี้ กองทุนจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้เอกชนอายุ ประมาณ 3 เดือน เช่นพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เงินฝากธนาคารออมสิน (GSB) ตั๋วแลกเงินธนาคารเกียรตินาคิน (KK) และตั๋วแลกเงินบริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (ASK) โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 2.00% ต่อปี

รายงานข่าวจากบลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรและตราสารธนาคาร 25 (SCBGBANK25) และ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 6M7 (SCBFI6M7) ตั้งแต่วันนี้ถึง14 กุมภาพันธ์ 2553 โดยกองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรและตราสารธนาคาร 25 จะลงทุนในตั๋วเงินคลัง และ ตั๋วแลกเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ / ธนาคารกรุงศรีอยุธยา / ธนาคารธนชาติ กองทุนมีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน มีขนาดโครงการ 5,000 ล้านบาท ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะให้ผลตอบแทนประมาณ 2.10%ต่อปี

ส่วนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 6M7 จะลงทุนในลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย ตั๋วแลกเงินธนาคารไทยพาณิชย์ / ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ หุ้นกู้ระยะสั้นธนาคารดอยซ์แบงก์ / ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) โดยกองทุนมีอายุโครงการประมาณ 6 ดือนและมีขนาดโครงการ 5,000 ล้านบาท ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะให้ผลตอบแทนประมาณ 2.15% ต่อปี

นอจากนี้รายงานข่าวจากบลจ.อยุธยา หรือ เอวายเอฟ ระบุว่า บริษัทกำลังอยู่ในช่วงเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดกรุงศรีไทยโน้ท 3M11 อายุโครงการ 3 เดือน และมีมูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท โดยจะเปิดขายไอพีโอระหว่างวันที่ 8 - 14 ก.พ. 2554 โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในเงินฝาก ตราสารทางการเงิน หรือตราสารหนี้อื่นใดที่ธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทเงินทุนรายใดเป็นผู้ออก ผู้สั่งจ่าย ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล ผู้สลักหลัง ผู้ค้ำประกัน และ/หรือ ตราสารหนี้ที่บริษัทเอกชนทั่วไป เป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล ผู้สลักหลัง หรือผู้ค้ำประกัน โดยที่ตัวตราสาร/ผู้ออก/ผู้รับรอง/ผู้รับอาวัล/ผู้สลักหลัง หรือผู้ค้ำประกันของบริษัทเอกชนทั่วไปนั้น ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสาร (Issue rating) หรือของผู้ออกตราสาร (Issuer rating) อยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade)

ในกรณีตราสารดังกล่าวเป็นหุ้นกู้ด้อยสิทธิ (Subordinated Debt) จะต้องได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสาร (Issue rating) อยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้เท่านั้น และ/หรือ ตราสารภาครัฐไทย เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตร ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน หุ้นกู้ หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ ที่กระทรวงการคลังหรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้สั่งจ่าย ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน และจะไม่ลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)ทั้งนี้ กองทุนอาจมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่สามารถลงทุนได้ (non - investment grade) เฉพาะกรณีที่ตราสารหนี้นั้นได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่สามารถลงทุนได้ (Investment grade) ขณะที่กองทุนลงทุนเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น