บลจ.กรุงไทย ส่งกองทุนพันธบัตรรัสเซียเลือกลงทุน2 ปี 4 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณ 3.40% ต่อปี ขณะที่บลจ. บัวหลวงส่งองทุน "บัวหลวงธนรัฐ 2/11" อายุ 9 เดือน เริ่มขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ถึงแล้วถึง 18 มกราคม 2554
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ ยังได้รับอิทธิพลจากสภาพคล่องในระบบการเงินที่ยังมีอยู่ระดับสูง และความต้องการลงทุนในตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ (Government related) และเอกชนในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่ยังให้ผลตอบแทนค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลในประทศ นอกจากนี้ ผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศเมื่อแปลงกับเป็นสกุลเงินบาทมีความผันผวนในทิศทางเพิ่มขึ้น ซึ่งเกิดจากต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนปรับลดลงค่อนข้างมากโดยเป็นผลจากตลาดการเงินในประเทศส่วนใหญ่จะคาดการณ์ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างบาทและดอลล่าร์สหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย รัสเซีย ฟิกซ์ อินคัม 3 ( KTRF3 ) ในวันที่ 12-18 มกราคม 2554 อายุโครงการ 2 ปี 4 เดือน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยกิจการในรัสเซียไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 โดยตราสารที่จะลงทุนเป็นตราสารประเภท Loan Participation Notes (LPNs) ที่ออกโดยสถาบันการเงินและบริษัทกลุ่มพลังงานชั้นนำของรัสเซีย ซึ่งกิจการเหล่านี้ถือหุ้นส่วนใหญ่โดยรัฐบาลหรือหน่วยงานภาครัฐของประเทศรัสเซีย
โดยกองทุนจะลงทุนใน ธนาคารเพื่อการเกษตรของรัสเซีย ( Russian Agricultural Bank ) SberBank ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อันดับหนึ่งของรัสเซีย ลงทุนในกิจการผู้ดำเนินธุรกิจท่อน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ (Transneft ) และ GazProm ผู้ประกอบธุรกิจพลังงานครบวงจร ในสัดส่วนสถาบันละ 25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่งผลให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 3.40% ต่อปี และเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นอกจากนี้บริษัทได้เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น โดยสามารถลงทุนใน กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3เดือน1 ( KTSIV3M1 ) อายุโครงการ 3 เดือน ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 14 มกราคม 2554 เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน ตราสารหนี้ภาครัฐที่มีคุณภาพ และมีความสามารถในการชำระดอกเบี้ย หรือเงินต้นสูง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด โดยจะลงทุนในเงินฝาก ประมาณ 32.38% และหุ้นกู้ระยะสั้น 67.62% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผลตอบแทนประมาณการที่ 1.80% ต่อปี โดยไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ขณะที่รายงานข่าวจากบลจ. บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 2/11 (B2/11) ระหว่างวันที่ 11 - 17 มกราคม 2554 นี้ โดยกองทุนมีอายุประมาณ 9 เดือน ขนาดโครงการ 2,500 ล้านบาท ทั้งนี้กองทุนดังกล่าว เหมาะสมกับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการความมั่นคง และความเสี่ยงต่ำ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน โดยไม่ต้องไปลงทุนในหุ้น ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ที่ราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหน่วยลงทุน สำหรับตราสารหนี้ หรือประเทศที่จะลงทุนอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวการณ์ของตลาดตราสารหนี้ขณะนั้นๆ
โดยกองทุน B2/11 มีวัตถุประสงค์เพื่อระดมเงินจากผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐ เงินฝาก บัตรเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงินของสถาบันการเงิน ที่มีความมั่นคงปลอดภัย และเพื่อให้ผลตอบแทนที่ดีกองทุนอาจทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืนตราสารแห่งหนี้ภาครัฐกับสถาบันการเงินได้ตลอดอายุของโครงการ
ด้านบลจ. ซีมิโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเปิดขายโลโอเวอร์กองทุนเปิดซีมิโก้ตราสารหนี้ 4M6 จนถึง 17 มกราคม 2554 โดยกองทุนมีอายุประมาณ 4 เดือน ซึ่งกองทุนให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่าแล้วอยู่ที่ 0.28% ทั้งนี้กองทุนมีนโยบายการลงทุนเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและหรือเอกชนที่มีคุณภาพ เช่น พันธบัตร ตั๋วเงินคลังบัตรเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน ตราสารแห่งหนี้อื่นๆ และหรือเงินฝาก ทั้งนี้อาจพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์อื่นๆ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด