xs
xsm
sm
md
lg

แอสเซทพลัสมั่นใจจีนโตต่อ ไม่ห่วงแผนคุมสินเชื่อแบงก์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.แอสเซท พลัส ประเมินนโยบายการควบคุมสินเชื่อของจีน ไม่กระทบการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ระบุแม้ระยะสั้นนักลงทุนจะเกิดความวิตกกังวลบ้าง แต่การลงทุนระยะยาวยังน่าสนใจ ล่าสุด กองทุนเปิด"แอสเซทพลัสเอชเอสไอ" ปิดIPOระดมทุนได้ถึง 82 ล้านบาท พร้อมเปิดขายอีกครั้ง 4 ก.พ.นี้

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลจีนมีนโยบายเข้าไปควบคุมการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร ส่งผลให้นักลงทุนได้กังวลว่าอัตราการปล่อยสินเชื่อในจีนในปี 53 จะชะลอตัวมากหรือไม่

 โดยส่วนหนึ่งมองว่าแม้รัฐบาลจะเข้าไปควบคุมการปล่อยสินเชื่อ แต่ธนาคารของรัฐยังคงต้องทำกำไร และสนองตอบนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ในการปล่อยสินเชื่อในโครงการก่อสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ดังนั้น จึงคาดว่า

จากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม และเศรษฐกิจจีนจะยังขยายตัวได้สูงในปีนี้ โดยรัฐบาลจีนได้ตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ประมาณ 7.5 ล้านล้านหยวน จากปี52แล้วที่ 9.59 ล้านล้านหยวน

"นโยบายการควบคุมสินเชื่อของธนาคารจีน หากมองในอีกแง่นั้น น่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจจีนในระยะยาว เนื่องจากจะช่วยลดปัญหาฟองสบู่แตกที่เกิดจากการปล่อยสินเชื่อมากเกินไป ดังนั้น แม้ในระยะนี้ ดัชนีฮั่งเส็งจะมีความผันผวน แต่คาดว่าจะเป็นการผันผวนในระยะสั้นเท่านั้น แต่หากมองในระยะยาวแล้วจีนยังมีความน่าสนใจในการลงทุนอยู่ เนื่องจาก คาดว่าในปีนี้บริษัทจดทะเบียนต่างๆของประเทศจีน เช่น บริษัทในกลุ่มธนาคารจะยังมีกำไรในอัตราที่สูงต่อเนื่องต่อไป รวมไปถึงรายได้จากดอกเบี้ยที่สูงถึง 66% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับธนาคารในภูมิภาคอื่น ๆ"นายวินกล่าว

นอกจากนี้ ในมุมมองของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) มองว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 53-54 นี้ จะมาจากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่

โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชีย ซึ่งนำโดยประเทศจีน ขณะที่การประเมินตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน (GDP) นั้น ในปี 53 คาดว่าจะขยายตัว 9.5% (y-o-y) นอกจากนี้ผลสำรวจคาดว่าธนาคารกลางจีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 12 เดือนอย่างเร็วที่สุดภายในไตรมาส 2 ปีนี้ และคาดว่าทั้งปีจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 2 ครั้ง

นายวินกล่าวอีกว่า หลังจากที่ บริษัทฯ ได้เสนอขาย IPO กองทุนเปิดแอสเซทพลัสเอชเอสไอ (ASP-HSI) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุนดังกล่าวสามารถระดมทุนได้ทั้งหมด 82 ล้านบาท เนื่องจาก ผู้ลงทุนต่างมองว่า ดัชนีฮั่งเส็งมีการปรับลดลงมาในระดับหนึ่งแล้ว และมั่นใจในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชียโดยรวม โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่น่าจะมีโอกาสเติบโตได้ดีที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆในปีนี้

ทั้งนี้ กองทุน ASP-HSI นั้นได้จดทะเบียนกองทุนเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยกองทุนดังกล่าวได้ลงทุนในกองทุน Hang Seng Index ETF ซึ่งเป็นกองทุนหลักไปแล้วเต็มจำนวน ขณะที่ ดัชนี Hang Seng ณ วันที่ 28 ม.ค. 53 ปิดที่ระดับ 20,356.37 จุด และสำหรับนักลงทุนที่สนใจเข้าซื้อขายกองทุน ASP-HSI บริษัทฯ จะทำการเปิดให้ซื้อขายอีกครั้งในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ เป็นต้นไป

สำหรับกองทุนเปิด ASP-HSI เป็นกองทุนต่างประเทศประเภท Feeder Fund ที่เน้นลงทุนในกองทุน Hang Seng Index ETF (กองทุนหลัก) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และบริหารจัดการโดย Hang Seng Investment Management Limited มีซื้อขายในรูปสกุลเงินฮ่องกงดอลลาร์ เพื่อมุ่งหาผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับ Hang Seng Index (HSI) ซึ่งมีความโปร่งใสในการดำเนินงาน

มีความน่าเชื่อถือของการประเมินมูลค่า และเกณฑ์ทางด้านสภาพคล่องของหลักทรัพย์ สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ และมีการใช้กลยุทธ์ Proxy Hedging เพื่อบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผ่านสกุลเงินที่มีทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินใกล้เคียงกับฮ่องกงดอลลาร์ ได้แก่ ดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งมีต้นทุนต่ำ และสภาพคล่องสูง ดังนั้น จึงสามารถลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน และสามารถคาดหมายผลตอบแทนกองทุนได้จากการเคลื่อนไหวของ Hang Seng Index

"กองทุน Hang Seng ETF มีจุดเด่นด้านการกระจายการลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนชั้นนำและขนาดใหญ่ที่สุดในจีน และฮ่องกง และเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูงสุด โดยมีสัดส่วนการลงทุนทั้งในหุ้นของบริษัทในฮ่องกงที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HK Ordinary) หุ้นของบริษัทในจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกง (H-Shares) ตลอดทั้งหุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนและประกอบธุรกิจในต่างประเทศ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (Red Chips)"นายวินกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น