xs
xsm
sm
md
lg

ธนาคารจีนไม่หวั่นวิกฤตสินเชื่อ ชี้มีทุนสำรองหนา-รัฐบาลหนุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเชียน วอลล์สตรีท เจอร์นัล – เมื่อ 6 ปีที่แล้ว 4 ธนาคารใหญ่ที่เป็นรัฐวิสาหกิจของจีนได้แบกหนี้เสียเอาไว้จำนวนมหาศาล และรอคอยรัฐบาลเข้ามาช่วยเหลืออย่างหมดหวัง บัดนี้เมื่อสถาบันการเงินในยุโรป และสหรัฐฯกำลังสั่นคลอน 4 ธนาคารใหญ่ของจีนกลับเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนพลิกสถานการณ์ และเบียดเข้าสู่ทำเนียบธนาคารที่มีความมั่นคงระดับโลก

ธนาคารอุตสาหกรรมและพาณิชย์ (ไอซีบีซี) ธนาคารแห่งประเทศจีน (บีโอซี) ธนาคารเพื่อการก่อสร้าง (ซีซีบี) ต่างเป็นธนาคารขนาดใหญ่ของจีนที่มีเงินสำรองจำนวนมหาศาล และหลังจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่ของสหรัฐฯไม่ว่าจะแฟนนี เม, เฟรดดี้ แมค หรือเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิงส์ที่ทยอยล้มกันอย่างรุนแรง กลับทำให้ธนาคารของจีนนั้นบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย และแม้ว่าธนาคารของจีนเหล่านี้จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากราคาหุ้นที่ร่วงกราวรูดเหมือนที่อื่นๆ แต่สภาพของธนาคารจีนก็ยังนับว่าดีพอที่จะสามารถผ่านพ้นวิกฤตการเงินครั้งนี้ไปได้

นายหลี่ จิง (Jing Ulrich) ผู้คุมบริษัทลงทุนในจีนของเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โคได้เปิดเผยว่า “เมื่อเทียบกับประเทศหรือภูมิภาคอื่นๆแล้ว สภาพทางการเงินของจีนนับว่าดีกว่ามาก”

นอกจากนั้น ธนาคารเหล่านี้ยังมีรัฐบาลจีนเป็นแบ๊คอัพให้ นับตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา รัฐบาลจีนได้เริ่มต้นในการตัดบรรดาหนีเน่าของธนาคารจีนที่สะสมมาเป็นเวลาหลายสิบปี และอาศัยเงินสำรองระหว่างประเทศจำนวน 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯในการอัดฉีดเป็นทุนใหม่เข้าไป ซึ่งการอัดฉีดนี้ถือเป็นการเพิ่มความเข้มแข็งทางการเงินให้กับธนาคาร

ไม่เพียงเท่านั้น ที่ผ่านมาบรรดากลุ่มผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบายของจีนต่างก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงท่าทีที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อที่จะกระตุ้นตลาดหลักทรัพย์ที่ตกฮวบอย่างรุนแรง ทำให้ทางการได้ประกาศว่าเตรียมจะให้กองทุนทางการเงินที่อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลนั้นเข้าถือหุ้นของธนาคารไอซีบีซี,บีโอซีและซีซีบีเพิ่มขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าข่าวเช่นนี้ได้กระตุ้นให้ราคาหุ้นของธนาคารทั้ง 3 พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และฉุดให้หุ้นในตลาดเอเชียหลายแห่งกระเตื้องขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารของจีนจะยื่นมือไปช่วยเหลือธนาคารต่างประเทศก็เป็นไปได้ยากอีก เนื่องจากบริษัทหลายแห่งที่ไปลงทุนในประเทศแถบตะวันตกนั้นกำลังประสบกับปัญหามูลค่าที่ลดลง ทำให้ทางการปักกิ่งอาจจะลังเลต่อการที่จะปล่อยให้ธนาคารไปลงทุนในต่างประเทศ เพราะไม่อยากให้เงินเหล่านี้ต้องละลายน้ำ นอกจากนั้น การที่จีนจะไปลงทุน ก็อาจจะต้องพบเจอกับอุปสรรคที่มาจากรัฐบาลของประเทศนั้นๆด้วย

นายหลี่ เสี่ยวหมิงผู้ประสานงานสำนักงานในปักกิ่งของไวท์แอนด์เคส แอลแอลพี ของสหรัฐฯได้เปิดเผยว่า “การที่จะให้จีนวางใจต่อการซื้อขายเหล่านี้ และยอมอนุมัติได้นั้นคงต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย”

ในขณะที่ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศจีนผู้หนึ่งได้ระบุว่า ขณะนี้คงอยู่ในช่วงการติดตามสถานการณ์ตลาดว่าได้ลงถึงที่สุดหรือยัง ในขณะที่นายเจียง เจี้ยนชิงประธานกรรมการของธนาคารก่อสร้างจีนได้เคยให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาว่า “นอกจากมูลค่าประเมินมันจะต่ำมาก ไม่เช่นนั้นทางซีซีบีจะไม่ยอมซื้อสินทรัพย์ของสหรัฐฯ เพราะผมมองว่าช่วงที่เลวร้ายที่สุดของวิกฤติสินเชื่อที่เกิดขึ้นยังไม่จบ”

“ในตลาดทุนจีนนั้น หลายคนมักจะบอกว่าให้เราช้อนซื้อในช่วงที่ราคาถูก แต่เราไม่มีทางรู้เลยว่าราคานี้ได้ลงไปถึงที่สุดหรือยัง เพราะบางทีราคาอาจจะลงไปแค่เอวเท่านั้น ซึ่งเราเชื่อว่าผลกระทบที่แท้จริงของวิกฤตยังไม่ได้ผ่านไป”

หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้วเลห์แมนบราเธอร์สได้ยื่นเรื่องล้มละลาย ได้มีการเปิดเผยว่าธนาคารไอซีบีซี ธนาคารบีโอซี และเมอร์แชนท์ แบงก์ของจีนได้ลงทุนในเลห์แมน บราเธอร์สทั้งสิ้น 350.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็น 0.01% ของสินทรัพย์ที่มี เนื่องจากในรอบปีที่ผ่านมา ธนาคารต่างๆของจีนได้ลดการลดการถือตราสารหนี้ซับไพรม์ของสหรัฐฯมาโดยตลอด

นักวิเคราะห์ได้ระบุว่า “หากจะมีความเสี่ยง ความเสี่ยงของธนาคารจีนน่าจะมาจากปัจจัยภายในเช่น การชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ทรุดฮวบ”

“ก่อนที่วิกฤตสินเชื่อจะสงบลง ธนาคารจีนคงไม่คิดที่จะพยายามเติบโตอย่างรวดเร็วจนเกินไป” นักวิเคราะห์ระบุ

ทั้งนี้เมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ทางธนาคารแห่งประเทศจีนได้เปิดเผยว่า จนถึงสิ้นเดือนมิ.ย. ทางธนาคารมีเงินสดและสินทรัพย์เงินสดอยู่ทั้งสิ้น 473,000 ล้านหยวน ในขณะที่ธนาคารไอซีบีซีมีอยู่ทั้งสิ้น 306,500 ล้านหยวน
กำลังโหลดความคิดเห็น