บลจ.นครหลวงไทย มองหุ้นจีนยังสดใส แม้รัฐออกมาตรการคุมสถาบันการเงิน หวังเพิ่มสัดส่วนเงินสำรอง เพื่อลดสภาพคล่องในระบบ ระบุจังหวะเหมาะช่วงดัชนีปรับฐาน เก็บเข้าพอร์ต เก็งกำไรเศรษฐกิจฟื้นระยะยาว ล่าสุด ส่งบอนด์เกาหลี เพิ่มทางเลือกลูกค้าต่อ ชูผลตอบแทน 2% ต่อปี
นางสาววรรณจันทร์ อึ้งถาวร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า หุ้นจีนยังมีความน่าสนใจและยังน่าลงทุน หลังจากที่ธนาคารกลางจีนสั่งสถาบันการเงินเพิ่มสัดส่วนเงินสำรอง (RRR) อีก 50 bps. เป็น 16% สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ และยังขึ้นดอกเบี้ยในการขายพันธบัตรรัฐบาลอีกเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่สัปดาห์ก่อนขายพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือนด้วยอัตราที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อลดสภาพคล่องที่มีอยู่ในระบบ ซึ่งเป็นผลมาจากเงินทุนที่ยังไหลเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง และยังมีพันธบัตรครบกำหนดอายุกว่า 1.6 ล้านหยวน ในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ประกอบกับรัฐบาลจีนยังต้องการควบคุมการปล่อยสินเชื่อให้มีความระมัดระวังมากขึ้น เพื่อที่จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้การส่งออกในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นถึง 17.7% YoY ในขณะที่การคาดการณ์อยู่ที่ประมาณ 5% YoY ทำให้รัฐบาลจีนเริ่มคลายความกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวลงและหันมาให้ความสนใจกับเรื่องเงินเฟ้อและปัญหาฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น
"จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้หุ้นจีนปรับตัวลดลง จึงเป็นจังหวะที่ดีของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุน เนื่องจากมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาอาจส่งผลเชิงลบทางจิตวิทยาในระยะสั้น แต่น่าจะส่งผลให้การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจมีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะยาว"นางสาววรรณจันทร์กล่าว
ทั้งนี้ บลจ.นครหลวงไทย มีกองทุนที่นำเงินไปลงทุนในดัชนีหุ้นจีนในตลาดฮ่องกง (HSCEI Index) คือ กองทุนเปิดนครหลวงไทย China Fund (SCI China Fund : SCI CH) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ Equity ETF เช่น Hang Seng H-Share Index ETF ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากการลงทุนในดัชนี Hang Seng China Enterprises Index (HSCEI Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้น H-share ขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูงและกองทุนนี้จะลงทุนในรูปสกุลเงินดอลล่าร์ฮ่องกง
โดยกองทุนเป็นกองทุนที่มีเงื่อนไขอายุโครงการที่มีลักษณะพิเศษ กองทุนจะมีอายุโครงการอยู่ที่ 1 ปี (กรณีที่ 1) หรือ เมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 11.50 บาทต่อหน่วย เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน (กรณีที่ 2) โดยมูลค่าหน่วยลงทุนเป็นมูลค่าก่อนหักค่าใช้จ่าย และค่าธรรมเนียม (ถ้ามี) ทั้งนี้จะขึ้นอยู่ว่ากรณีที่ 1 หรือ กรณีที่ 2 จะเกิดขึ้นก่อน นักลงทุนที่สนใจลงทุนสามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท โดยคิดค่าธรรมเนียมการซื้อที่ไม่เกิน 1 % นักลงทุนที่สนใจสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ ทั้งนี้ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งอาจเกิดจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลล่าร์ฮ่องกงเทียบกับเงินบาท เนื่องจากกองทุนไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
นางสาววรรณจันทร์ อึ้งถาวร กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการเปิดเสนอขาย กองทุนเปิดนครหลวงไทย ตราสารหนี้ต่างประเทศ 22 เดือน 1/10 อายุโครงการประมาณ 22 เดือน มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ด้วยอัตราผลตอบแทนประมาณ 2.00% ต่อปี (หลังหักค่าใช้จ่าย 0.45% ต่อปี) โดยกองทุนเน้นลงทุนใน Korea Monetary Stabilization Bond (MSB) และ Korea Treasury Bond (KTB) ซึ่งเป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลและ/หรือสถาบันการเงินประเทศเกาหลีใต้ และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารระยะยาว AA จากสถาบัน Fitch Rating กองทุนจะลงทุนในสัดส่วนประมาณ 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยกองทุนได้มีการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และบริษัทฯ จะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ ทุกรอบระยะเวลา 3 เดือน
นางสาววรรณจันทร์ อึ้งถาวร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า หุ้นจีนยังมีความน่าสนใจและยังน่าลงทุน หลังจากที่ธนาคารกลางจีนสั่งสถาบันการเงินเพิ่มสัดส่วนเงินสำรอง (RRR) อีก 50 bps. เป็น 16% สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ และยังขึ้นดอกเบี้ยในการขายพันธบัตรรัฐบาลอีกเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่สัปดาห์ก่อนขายพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือนด้วยอัตราที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อลดสภาพคล่องที่มีอยู่ในระบบ ซึ่งเป็นผลมาจากเงินทุนที่ยังไหลเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง และยังมีพันธบัตรครบกำหนดอายุกว่า 1.6 ล้านหยวน ในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ประกอบกับรัฐบาลจีนยังต้องการควบคุมการปล่อยสินเชื่อให้มีความระมัดระวังมากขึ้น เพื่อที่จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้การส่งออกในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นถึง 17.7% YoY ในขณะที่การคาดการณ์อยู่ที่ประมาณ 5% YoY ทำให้รัฐบาลจีนเริ่มคลายความกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวลงและหันมาให้ความสนใจกับเรื่องเงินเฟ้อและปัญหาฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น
"จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้หุ้นจีนปรับตัวลดลง จึงเป็นจังหวะที่ดีของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุน เนื่องจากมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาอาจส่งผลเชิงลบทางจิตวิทยาในระยะสั้น แต่น่าจะส่งผลให้การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจมีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะยาว"นางสาววรรณจันทร์กล่าว
ทั้งนี้ บลจ.นครหลวงไทย มีกองทุนที่นำเงินไปลงทุนในดัชนีหุ้นจีนในตลาดฮ่องกง (HSCEI Index) คือ กองทุนเปิดนครหลวงไทย China Fund (SCI China Fund : SCI CH) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ Equity ETF เช่น Hang Seng H-Share Index ETF ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากการลงทุนในดัชนี Hang Seng China Enterprises Index (HSCEI Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้น H-share ขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูงและกองทุนนี้จะลงทุนในรูปสกุลเงินดอลล่าร์ฮ่องกง
โดยกองทุนเป็นกองทุนที่มีเงื่อนไขอายุโครงการที่มีลักษณะพิเศษ กองทุนจะมีอายุโครงการอยู่ที่ 1 ปี (กรณีที่ 1) หรือ เมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 11.50 บาทต่อหน่วย เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน (กรณีที่ 2) โดยมูลค่าหน่วยลงทุนเป็นมูลค่าก่อนหักค่าใช้จ่าย และค่าธรรมเนียม (ถ้ามี) ทั้งนี้จะขึ้นอยู่ว่ากรณีที่ 1 หรือ กรณีที่ 2 จะเกิดขึ้นก่อน นักลงทุนที่สนใจลงทุนสามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท โดยคิดค่าธรรมเนียมการซื้อที่ไม่เกิน 1 % นักลงทุนที่สนใจสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ ทั้งนี้ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งอาจเกิดจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลล่าร์ฮ่องกงเทียบกับเงินบาท เนื่องจากกองทุนไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
นางสาววรรณจันทร์ อึ้งถาวร กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการเปิดเสนอขาย กองทุนเปิดนครหลวงไทย ตราสารหนี้ต่างประเทศ 22 เดือน 1/10 อายุโครงการประมาณ 22 เดือน มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ด้วยอัตราผลตอบแทนประมาณ 2.00% ต่อปี (หลังหักค่าใช้จ่าย 0.45% ต่อปี) โดยกองทุนเน้นลงทุนใน Korea Monetary Stabilization Bond (MSB) และ Korea Treasury Bond (KTB) ซึ่งเป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลและ/หรือสถาบันการเงินประเทศเกาหลีใต้ และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารระยะยาว AA จากสถาบัน Fitch Rating กองทุนจะลงทุนในสัดส่วนประมาณ 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยกองทุนได้มีการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และบริษัทฯ จะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ ทุกรอบระยะเวลา 3 เดือน