xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.ไม่สนเกาหลีลดดอกเบี้ย1% เดินหน้าออกกองทุนใหม่ต่อเนื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.กรุงไทย ไม่หวั่นแม้เกาหลีใต้จะลดอัตราดอกเบี้ยลง1%เชื่อแม้ปรับลดยังคงให้ผลตอบแทนดีกว่าในไทย มั่นใจไม่กระทบกองทุนเปิด "KTSUP3M5" ที่ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุน พร้อมรอดูสถานะการณ์ก่อนออกกองใหม่ ขณะเดียวกัน บลจ.เอวายเอฟ ชี้ลงทุนแดนกิมจิคุ้มค่าแม้ค่าเงินจะอ่อนค่าลง แต่ผลตอบแทนที่ได้ดีกว่าในไทย

นาย วิโรจน์ ตั้งเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากกรณีธนาคารกลางเกาหลีใต้ ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 1% อยู่ โดยที่ 3% โดยถือว่าต่ำสุดเป็นประวัติศาสตร์ แต่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังประสบภาวะซบเซา ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกองทุนเปิดธนทรัพย์ตราสารหนี้ 3เดือน 5 (KTSUP3M5) ที่ทางบริษัทกำลังเปิดขายหน่วยลงทุนอยู่ในขณะนี้มากนัก แต่อาจจะทำให้ผลตอบแทนที่กองทุนคาดว่าจะได้รับจากการลงทุนปรับตัวลดลงบ้างตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเกาหลีในครั้งนี้

ทั้งนี้ หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางเกาหลี อาจจะส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนเพียงบางส่วนเท่านั้น โดย บลจ.มั่นใจว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะยังคงมั่นใจในการบริหารจัดการของบริษัท และไม่หวั่นไหวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ของเกาหลีใต้ด้วย พร้อมทั้งจะยังเข้ามาร่วมลงทุนอย่างแน่นอน อีกทั้งกองทุนเปิดKTSUP3M5จะยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนเข้ามาร่วมลงทุนเหมือนเดิม

"เนื่องจากบริษัทมองว่าการลงทุนในพันธบัตรเกาหลีเมื่อธนาคารปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 3% การลงทุนยังให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนพันธบัตรในประเทศไทย ที่อยู่เพียง 2.5% ซึ่งจากการลงทุน และการคำนวณค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ พบว่าการลงทุนในประเทศเกาหลีใต้เมื่อหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว นักลงทุนยังคงได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในไทย"นายวิโรจน์กล่าว

อย่างไรก็ตาม การลงทุนของบริษัทจะเน้นลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ที่ออกโดยภาครัฐบาล และไม่ลงทุนตราสารหนี้ในภาคเอกชน ซึ่งถือว่ามีความมั่นคงสูง จึงถือว่าการลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ยังสามารถให้ผลตอบแทนน่าจูงใจกว่าการลงทุนในพันธบัตรไทย

ขณะเดียวกัน สำหรับการจัดตั้งกองทุนที่ไปลงทุนพันธบัตรเกาหลีใต้หลังจากนี้ บริษัทจะต้องพิจารณาถึงทิศทางและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยว่าจะมีทิศทางไปในทางใดต่อไป โดยจะต้องเปรียบเทียบระหว่างอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศว่าเมื่อลงทุนไปแล้วผลตอบแทนที่ได้รับมีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด ซึ่งบริษัทคาดว่าในปี2552 คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะมีการประชุมและมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.75%-1% จึงทำให้บริษัทมองว่าการลงทุนในพันธบัตรเกาหลียังจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้

นาย อาสา อินทรวิชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้ บลจ. อยุธยา จำกัด กล่าวว่า จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารเกาหลีใต้ลง1%ในครั้งนี้ บริษัทมองว่าถึงแม้ว่าเกาหลีใต้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงโดยเมื่อนำผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนมาเปรียบเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรไทย พบว่าการลงทุนในเกาหลีแม้จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงยังสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าในประเทศไทย

ขณะเดียวกัน นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงเข้ามาลงทุนในกองทุนที่เข้าไปลงทุนในเกาหลีเนื่องจากให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าการลงทุนในไทย แม้ว่าดีมานด์จะปรับลดลง แต่ทั้งนี้นักลงทุนยังคงมีความกังวลในเรื่องของค่าเงินที่มีความผันผวนอยู่ โดยการจัดอันดับเรตติ้งในเกาหลีใต้ยังคงดีกว่าไทย ซึ่งเมื่อมองค่าเงินของออสเตรเลีย นิวซีแลนด์พบว่าค่าเงินได้อ่อนค่าลงถึง 30%จากจุดสูงสุดเมื่อ 3เดือนที่ผ่านมา และถึงแม้ว่าค่าเงินของประเทศเกาหลีจะอ่อนค่าลงบ้างก็จะไม่กระทบต่อผลตอบแทนที่จะได้รับ อีกทั้งโครงสร้างของแคปปิตอลมาร์เกต ของเกาหลีก็สูงกว่าประเทศไทย เพราะอย่างน้อยการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลย่อมดีกว่าการลงทุนในสถาบันการเงิน

โดยก่อนหน้านี้ นายลี ซอง แต ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ และคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางเกาหลีใต้ มีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 1% สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3% ในการประชุมวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะยับยั้งเศรษฐกิจภายในประเทศให้รอดพ้นจากภาวะถดถอย พร้อมกับคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากยอดส่งออกทรุดตัวลงมากกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 8 สัปดาห์ และถือเป็นการลดดอกเบี้ยในสัดส่วนที่รุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยหลังจากธนาคารกลางเกาหลีใต้ลดอัตราดอกเบี้ยได้ไม่นาน ค่าเงินวอนพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง 3.6% เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่าการตัดสินใจลดดอกเบี้ยเกินความคาดหมายในวันนี้จะช่วยลดผลกระทบต่างๆที่มีต่อเศรษฐกิจภายในประเทศได้ หลังจากที่ธนาคารกลางทั่วโลกได้ลดดอกเบี้ยไปแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อยับยั้งเศรษฐกิจในประเทศของตนเองไม่ให้ถดถอย

หลังจากที่ ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ตลาดฮ่องกง (Hibor) ได้ปรับตัวลดลงลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนที่ 1.75% ส่วนอัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ตลาดสิงคโปร์ (Sibor) ร่วงลงหนักสุดในรอบหนึ่งเดือนอยู่ที่ระดับ 2.13% ส่วนอัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์สกุลเงินดอลลาร์ประเภท 3 เดือนที่ตลาดลอนดอน (Libor) ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีที่ 2.1% ขณะเดียวกัน รัฐบาลและเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายทางการเงินทั่วโลกกำลังหาทางกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญปัญหาขาดทุนและมีตัวเลขการปรับลดมูลค่าทางบัญชีในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับตลาดปล่อยกู้จำนองถึง 9.82 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐจนทำให้เศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะถดถอยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่
กำลังโหลดความคิดเห็น