บลจ.กสิกรไทย คาด อนาคตทองคำรุ่งต่ออีก 5 ปี เหตุความต้องการใช้จริงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มั่นใจระดับราคาปัจจุบันจะเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่ง และราคาจะผันผวนน้อยกว่าสินค้าโภคภัณฑ์ชนิดอื่น พร้อมเผยการลงทุนกอง K-GOLD ฉลุยสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ด้าน บลจ.ทหารไทย แจงเปลี่ยนแปลงการลงทุน TMB Gold หันฟีดเงินเข้า SPDR Gold Trust ที่เทรดในฮ่องกง
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ผู้จัดการกองทุน ฝ่ายจัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ กองทุนเปิดเคโกลด์ (K-GOLD) มีสินทรัพย์สุทธิเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากช่วงไอพีโอที่มีอยู่ 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 700 ล้านบาท ในปัจจุบัน หรือโตขึ้นกว่าเท่าตัว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ลงทุนให้ความสนใจลงทุนในกองทุน K-GOLD เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้ตั้งเป้าการเติบโตของกองทุนนี้เอาไว้ แต่หวังไว้แค่ให้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเท่านั้น โดยปัจจุบันต้นทุนการผลิตทองคำอยู่ประมาณ 500-600 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ซึ่งทำให้ตลาดมองว่าราคาทองคำ ณ ระดับดังกล่าวน่าจะเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งของทองคำ และในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ราคาทองคำแม้จะปรับตัวลงมา แต่ก็ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่าการปรับตัวลดลงของสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ โดยเฉพาะน้ำมัน
“ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุณสมบัติของทองคำ ที่เป็น Safe Heaven ในยามที่เศรษฐกิจเกิดความไม่แน่นอน คนไม่มั่นใจทำให้หันมาถือครองทองคำมากขึ้น จึงทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงมาไม่มากนักเมื่อเทียบกับสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่น” นายวิน กล่าว
นอกจากนี้ ทองคำยังมีอุปสงค์หลักจากความต้องการใช้จริงเป็นส่วนใหญ่ โดยมีส่วนที่เป็นดีมานด์จากการลงทุนในสัดส่วนเพียง 19% เท่านั้น ซึ่งต่างจากราคาน้ำมันที่มีสัดส่วนของอุปทานจากฝั่งการลงทุนสูงถึง 30-40% จึงทำให้ราคาทองคำมีความผันผวนน้อยกว่าราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา
นายวิน ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันการลงทุนในทองคำผ่านกองทุนได้รับความนิยมมากขึ้น ดูได้จากปริมาณทองคำแท่งที่กองทุนทั่วโลกลงทุนอยู่เพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านออนซ์ จากที่มีเพียง 2 ล้านออนซ์ ในปี 2003 เท่านั้น
ทั้งนี้ หากมองแนวโน้มของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นในระยะยาวจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวจะทำอัตราเงินเฟ้อต่ำก็ตาม แต่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างเร็ว และแรงของธนาคารกลางประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับขึ้นมาได้ในอนาคต ดังนั้น หากมองทองคำในระยะยาวยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นในช่วง 5 ปีข้างหน้า แต่ราคาอาจจะมีความผันผวนบ้าง
“ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ดีมานด์ของทองปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อุปทานของทองกลับปรับตัวลดลงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มารองรับราคาทองอีกระดับหนึ่ง”
นายวิน กล่าวเสริมว่า การลงทุนในทองคำผ่านกองทุนน่าจะเป็นเครื่องมือที่สะดวกกับผู้ลงทุนมากกว่า สำหรับ บลจ.กสิกรไทย มีกองทุนเปิด K-GOLD เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งลงทุนในทองคำแท่ง 99.99% จริงๆ และเป็นกองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก และสิงคโปร์ แต่เราเลือกที่จะเลือกกองทุนแม่ที่จดทะเบียนอยู่ในสิงคโปร์ ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยใช้ดัชนีราคาทองคำในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (London AM Fixing Spot Gold Price (USD)) เป็นเกณฑ์มาตรฐานในการวัดผลการดำเนินงานของกองทุน
สำหรับข้อดีของการลงทุนในกองทุน K-GOLD ซึ่งจะลงทุนในกองทุนหลักที่จดทะเบียนในสิงคโปร์นั้นทำให้ผู้ลงทุนได้ลงทุนในราคาทองคำของวันนั้นจริงๆ แต่กองทุน K-GOLD เปิดทางไว้ให้สามารถลงทุนได้ทั้งที่นิวยอร์กและสิงคโปร์
ด้าน นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุญาตให้กองทุนเปิดทหารไทยโกลด์ฟันด์ (TMB Gold) สามารถย้ายมาลงทุนในกองทุนหลัก คือ SPDR Gold Trust ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงได้แล้ว หลังจากที่บริษัทได้ยื่นเสนอขอให้สำนักงาน ก.ล.ต.พิจารณาไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ กองทุน SPDR Gold Trust ที่ซื้อขายในตลาดฮ่องกง ถือว่ามีสภาพคล่องสูงเช่นเดียวกันหลังจากที่ทางบริษัทได้ลองทำความเคลื่อนไหวของดัชนีที่ฮ่องกงมาแล้วระยะหนึ่ง อีกทั้งดัชนีที่ฮ่องกงนั้น เป็นดัชนีเดียวกันกับที่ตลาดนิวยอร์ก เพียงแต่มาจดทะเบียนในฮ่องกงแทน ซึ่งกองทุน TMB Gold ได้เปลี่ยนจากการลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมาเป็นสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกงด้วย
“การย้ายมาเทรดที่ฮ่องกงนั้น จะช่วยลดเวลาในการเทรดลง เนื่องจากเวลาใกล้เคียงกับประเทศไทย ทำให้ผู้ลงทุนได้ราคาทองคำที่ใกล้เคียงกับราคาที่ลงทุนมากที่สุด เพราะราคาทองคำในประเทศเอง ก็ใช้ราคาทองคำที่ฮ่องกงเป็นหลักเช่นเดียวกัน โดยกองทุนจะสามารถย้ายการเทรดดังกล่าวภายใน 90 วันหลังจากสำนักงาน ก.ล.ต.อนุมัติแล้ว”
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ผู้จัดการกองทุน ฝ่ายจัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ กองทุนเปิดเคโกลด์ (K-GOLD) มีสินทรัพย์สุทธิเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากช่วงไอพีโอที่มีอยู่ 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 700 ล้านบาท ในปัจจุบัน หรือโตขึ้นกว่าเท่าตัว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ลงทุนให้ความสนใจลงทุนในกองทุน K-GOLD เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้ตั้งเป้าการเติบโตของกองทุนนี้เอาไว้ แต่หวังไว้แค่ให้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเท่านั้น โดยปัจจุบันต้นทุนการผลิตทองคำอยู่ประมาณ 500-600 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ซึ่งทำให้ตลาดมองว่าราคาทองคำ ณ ระดับดังกล่าวน่าจะเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งของทองคำ และในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ราคาทองคำแม้จะปรับตัวลงมา แต่ก็ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่าการปรับตัวลดลงของสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ โดยเฉพาะน้ำมัน
“ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุณสมบัติของทองคำ ที่เป็น Safe Heaven ในยามที่เศรษฐกิจเกิดความไม่แน่นอน คนไม่มั่นใจทำให้หันมาถือครองทองคำมากขึ้น จึงทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงมาไม่มากนักเมื่อเทียบกับสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่น” นายวิน กล่าว
นอกจากนี้ ทองคำยังมีอุปสงค์หลักจากความต้องการใช้จริงเป็นส่วนใหญ่ โดยมีส่วนที่เป็นดีมานด์จากการลงทุนในสัดส่วนเพียง 19% เท่านั้น ซึ่งต่างจากราคาน้ำมันที่มีสัดส่วนของอุปทานจากฝั่งการลงทุนสูงถึง 30-40% จึงทำให้ราคาทองคำมีความผันผวนน้อยกว่าราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา
นายวิน ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันการลงทุนในทองคำผ่านกองทุนได้รับความนิยมมากขึ้น ดูได้จากปริมาณทองคำแท่งที่กองทุนทั่วโลกลงทุนอยู่เพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านออนซ์ จากที่มีเพียง 2 ล้านออนซ์ ในปี 2003 เท่านั้น
ทั้งนี้ หากมองแนวโน้มของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นในระยะยาวจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวจะทำอัตราเงินเฟ้อต่ำก็ตาม แต่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างเร็ว และแรงของธนาคารกลางประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับขึ้นมาได้ในอนาคต ดังนั้น หากมองทองคำในระยะยาวยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นในช่วง 5 ปีข้างหน้า แต่ราคาอาจจะมีความผันผวนบ้าง
“ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ดีมานด์ของทองปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อุปทานของทองกลับปรับตัวลดลงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มารองรับราคาทองอีกระดับหนึ่ง”
นายวิน กล่าวเสริมว่า การลงทุนในทองคำผ่านกองทุนน่าจะเป็นเครื่องมือที่สะดวกกับผู้ลงทุนมากกว่า สำหรับ บลจ.กสิกรไทย มีกองทุนเปิด K-GOLD เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งลงทุนในทองคำแท่ง 99.99% จริงๆ และเป็นกองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก และสิงคโปร์ แต่เราเลือกที่จะเลือกกองทุนแม่ที่จดทะเบียนอยู่ในสิงคโปร์ ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยใช้ดัชนีราคาทองคำในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (London AM Fixing Spot Gold Price (USD)) เป็นเกณฑ์มาตรฐานในการวัดผลการดำเนินงานของกองทุน
สำหรับข้อดีของการลงทุนในกองทุน K-GOLD ซึ่งจะลงทุนในกองทุนหลักที่จดทะเบียนในสิงคโปร์นั้นทำให้ผู้ลงทุนได้ลงทุนในราคาทองคำของวันนั้นจริงๆ แต่กองทุน K-GOLD เปิดทางไว้ให้สามารถลงทุนได้ทั้งที่นิวยอร์กและสิงคโปร์
ด้าน นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุญาตให้กองทุนเปิดทหารไทยโกลด์ฟันด์ (TMB Gold) สามารถย้ายมาลงทุนในกองทุนหลัก คือ SPDR Gold Trust ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงได้แล้ว หลังจากที่บริษัทได้ยื่นเสนอขอให้สำนักงาน ก.ล.ต.พิจารณาไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ กองทุน SPDR Gold Trust ที่ซื้อขายในตลาดฮ่องกง ถือว่ามีสภาพคล่องสูงเช่นเดียวกันหลังจากที่ทางบริษัทได้ลองทำความเคลื่อนไหวของดัชนีที่ฮ่องกงมาแล้วระยะหนึ่ง อีกทั้งดัชนีที่ฮ่องกงนั้น เป็นดัชนีเดียวกันกับที่ตลาดนิวยอร์ก เพียงแต่มาจดทะเบียนในฮ่องกงแทน ซึ่งกองทุน TMB Gold ได้เปลี่ยนจากการลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมาเป็นสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกงด้วย
“การย้ายมาเทรดที่ฮ่องกงนั้น จะช่วยลดเวลาในการเทรดลง เนื่องจากเวลาใกล้เคียงกับประเทศไทย ทำให้ผู้ลงทุนได้ราคาทองคำที่ใกล้เคียงกับราคาที่ลงทุนมากที่สุด เพราะราคาทองคำในประเทศเอง ก็ใช้ราคาทองคำที่ฮ่องกงเป็นหลักเช่นเดียวกัน โดยกองทุนจะสามารถย้ายการเทรดดังกล่าวภายใน 90 วันหลังจากสำนักงาน ก.ล.ต.อนุมัติแล้ว”