บลจ.เอ็มเอฟซี เดินหน้ายุบกองทุนโบราณ เน้นหาจังหวะออกที่ดี เอื้อผลประโยชน์ผู้ถือหน่วย ล่าสุด ผลผลตอบแทนกองทุนยังดี เตรียมจ่ายปันผลรอบปี 52 อีก 4 กองรวด
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนในการยุบรวมกองทุนหุ้นกองเก่า ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลายกองทุนมีผู้ถือหน่วยรายใหญ่ ดังนั้น การจะดำเนินการอะไรจึงต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นหลัก
ซึ่งการจะเอาเงินออกจากกองทุนนั้น อาจจะทำให้ขาดทุนทางบัญชีของลูกค้า เลยจำเป็นต้องดูจังหวะที่เหมาะสมก่อน เพื่อไม่ให้เสียหายหรือเสียผลประโยชน์
ทั้งนี้ หลักใหญ่ที่จะใช้พิจารณาว่าจะยุบกองทุนไหนนั้น จะดูที่ขนาดกองทุนเป็นหลัก ถ้าเล็กเกินไปก็ไม่มีประโยชน์และไม่คุ้มกับต้นทุน ซึ่งการจัดตั้งกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนซ้ำซ้อนกันในอดีตที่ผ่านมา ทำให้กองทุนมีจำนวนมากเกินไป ดังนั้น จึงต้องมีการยกเลิกไปบ้าง
"ในอดีตเรามีกองทุนที่ซ้ำซ้อนกันเยอะ ซึ่งปัจจุบันกองทุนเหล่านี้มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ การจะยกเลิกนั้น จะต้องดูวัตถุประสงค์ว่าก่อให้เกิดประโยชน์หรือเสียประโยชน์ต่อผู้ถือหน่วยลงทุนหรือไม่ ถ้าบรรลุวัตถุประสงค์ก้อสามารถทำได้"นายพิชิตกล่าว
ล่าสุด บลจ.เอ็มเอฟซี ได้ประกาศหยุดขายหน่วยลงทุนชั่วคราวเพื่อจ่ายเงินปันผล สำหรับกองทุนหุ้นจำนวน 4 กองทุนด้วยกัน ประกอบด้วย กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี –บีทีอินคัมโกรทฟันด์ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเฟล็กซิเบิลฟันด์ กองทุนเปิดรุ่งโรจน์หนึ่งและ กองทุนเปิดสินภิญโญสี่
ทั้งนี้ เพื่อจ่ายปันผลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2552 – 31 ธันวาคม 2552 โดยทั้ง 4 กองทุนจะหยุดขายหน่วยลงทุนชั่วคราวในวันที่ 13 มกราคม 2553 ก่อนจะเปิดสมุดทะเบียนและเริ่มทำการขายหน่วยลงทุนอีกครั้ง ในวันที่ 14 มกราคม 2553
โดยผลการดำเนินงานล่าสุดของกองทุน ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2552 กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี –บีทีอินคัมโกรทฟันด์ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังในรอบ 1 ปีอยู่ที่ 71.82% ส่วนผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (14 ต.ค. 2003) อยู่ที่ 98.16% กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเฟล็กซิเบิลฟันด์ ให้ผลตอบแทนในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ 64.50% ในขณะที่ผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (13 ต.ค.1999) อยู่ที่ 217.11%
กองทุนเปิดรุ่งโรจน์หนึ่ง ให้ผลตอบแทน 71.70% และย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (26 ก.พ 1998) ให้ผลตอบแทน 78.57 และกองทุนเปิดสินภิญโญสี่ ให้ผลตอบแทนในรอบปี 2552 อยู่ที่ 69.51% โดยผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (8 เม.ย.1997) อยู่ที่ 60.89%
