บลจ.เอ็มเอฟซี มองการเมืองยังเป็นความเสี่ยงหุ้นไทย โดยเฉพาะเสถียรภาพของรัฐบาล ชูกลยุทธ์ปีหน้า เลือกหุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจ เน้นบริหารพอร์ตเงินสด เงินลงทุน ต้องเร็ว ล่าสุด ผลตอบแทนปีฉลู กองทุนโบราณโดดเด่น
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยปีหน้ายังต้องเผชิญความเสี่ยงสำคัญอยู่หลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัญหาการเมืองในประเทศ ปัญหาเรื่องการบังคับใช้กฏหมาย กรณีระงับโครงการลงทุนมาบตาพุด 65 โครงการ
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ จะยังทำให้หุ้นไทยผันผวนต่อในปีหน้า อย่างไรก็ตาม จะได้ปัจจัยบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งจะมีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และจะรวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกด้วย
ทั้งนี้ ในเรื่องของการเมืองเอง ยังมีเรื่องของเสถียรภาพของรัฐบาลที่ต้องระวังด้วย เพราะหลักสำคัญไม่ว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนหรือไม่ ไม่สำคัญ แต่ต้องมีความต่อเนื่องของนโยบายต่างๆ ด้วย
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนปีหน้า มองว่าหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เช่น หุ้นที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโปคของประเทศ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง และแน่นอนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะเกาะไปกับระบบการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งยังมีปัจจัยลบเรื่องของปัญหามาบตาพุดนั้น เชื่อว่าระยะกลางหลังจากนี้ ก็น่าจะฟื้นตัวได้
"กลยุทธ์ในการบริหารกองทุนหุ้นของเราในปีหน้า ยังคงเน้นนโยบาย Active เหมือนเดิม ซึ่งเรามองว่าการจัดสัดส่วนเงินสด และเงินลงทุนต้องเร็ว โดยการอาศัยจังหวะการลงทุน"นายพิชิตกล่าว
ทั้งนี้ จากการสำรวจผลงานดำเนินงานของกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารของบลจ.เอ็มเอฟซี ล่าสุด ณ วันที่ 24 ธันวาคม 2552 พบว่า กองทุนส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนในระดับที่สูง และเหนือกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยกองทุนที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่น 5 อันดับแรกได้แก่ กองทุนเปิดสตางค์แดง ที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 73.20% กองทุนเปิดสตางค์แดงสอง ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้น 72.93%
กองทุนเปิดสินภิญโญห้า ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 72.58% กองทุนเปิดทรัพย์อนันต์ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 72.06% และกองทุนเปิดธนภูมิ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีที่ 71.85% ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นอยู่ที่ 62.19%