xs
xsm
sm
md
lg

"มาบตาพุด"อุปสรรคกองทุนหุ้น...

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นอกจากวิกฤตดูไบเวิลด์ที่เกิดขึ้นได้เข้ามาเขย่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนก็มีการเมืองภายในประเทศ และอีกหลายๆปัจจัยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงปัญหาที่ได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นปัญหาเรื่องมาบตาพุด ว่าหลังจากนี้บทสรุปจะเป็นอย่างไร

....

แต่ที่หลีกหนีไม่ได้นั้น คงเป็นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากปัญหาดังกล่าวว่าจะส่งผลกระทบไปในทิศทางไหน..แต่ที่ปฎิเสธไม่ได้คือ ปัญหามาบตาพุดที่เกิดขึ้นในได้เข้ามากระทบต่อดัชนีตลาดหุ้น เศรษฐกิจไทย และการลงทุนของนักลงทุน ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลในทิศทางการลงทุนปีหน้านี้ว่าจะเป็นเช่นไร อีกทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจจะเป็นไปตามที่มีการคาดการณ์ไว้หรือไม่.... ซึ่งเป็นคำถามที่นักลงทุนหลายฝ่ายต่างต้องการคำตอบจากคำถามนี้อย่างถ้วนหน้า และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นได้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้เกิดความวิตกกังวลกันไปต่างๆนานา

โดยปัญหามาบตาพุดที่เกิดขึ้นนั้นได้ส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ซึ่งถือเป็นหุ้นกลุ่มหลักในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง ซึ่งการที่หุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวลดลงก็จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังดัชนีตลาดหลักทรัพย์ และการเข้าลงทุนของนักลงทุนเป็นอย่างมาก แต่ตลาดหุ้นไทยคงโชคดี ตรงที่ช่วงนี้เป็นช่วงหยุดยาวของนักลงทุนต่างชาติทำให้การซื้อขายหุ้นกลุ่มนี้จึงไม่มากอย่างที่กังวลกันไว้

นอกจากปัญหามาบตาพุดนอกจากจะส่งกระทบต่อหุ้นในกลุ่ม ปตท. แล้วนั้น ยังได้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆด้วย โดยอุตสาหกรรมกองทุนรวม ก็ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ด้วย เพราะกองทุนรวมหุ้นส่วนใหญ่ของทุกๆบลจ.ได้มีหุ้นในกลุ่มนี้ อยู่ในพอร์ตการลงทุนเเทบทั้งสิ้น ซึ่งแต่ละบลจ.แต่ละกองทุนรวมจะได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของหุ้นที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ รวมไปถึงกลยุทธ์การแก้ปัญหาของแต่ละบลจ.ว่าจะจัดการกับปัญหาดังกล่าวอย่างไร

 ธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมายอมรับว่า ปัญหามาบตาพุดที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปีหน้าแน่นอน แต่จะรุนแรงแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับรัฐบาลในการสร้างความชัดเจนเรื่องเกณฑ์การลงทุน และระยะเวลาในการแก้ไขปัญหานี้ เพราะภาคเอกชนก็ต้องการความชัดเจน เพื่อกำหนดแผนการลงทุนในระยะต่อไป

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ยังกล่าวถึงเศรษฐกิจไทยในปีหน้าอีกว่า นักลงทุนจะต้องติดตามผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ของรัฐบาลว่า จะออกมาตรงตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ รวมถึงการจัดเก็บภาษีของรัฐบาลในอนาคตด้วย นอกจากนี้ ยังต้องติดตามภาคเอกชนว่าจะดำเนินการเชื่อมต่อโครงการลงทุนของรัฐบาลหรือไม่

 พิชิต อัคราทิตย์  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ 1บอกว่า สำหรับกองทุนวายุภักษ์ 1 นั้นเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่ได้รับผลกระทบจากการระงับ 76 โครงการในพื้นที่มาบตาพุดเช่นกัน ซึ่งผลกระทบดังกล่าวนั้นได้ส่งผลให้หุ้น ปตท เป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยกองทุนวายุภักษ์ 1 มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นปตท.สูงสุดถึง 53% และผลกระทบที่เกิดจากการปรับราคาลงของหุ้นปตท.นั้น ทำให้มูลค่าลดลงไปประมาณ 4% หรือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท

 "ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนโดยรวมของกองทุน เพราะถึงแม้ว่าหุ้นปตท.จะปรับตัวลดลง แต่หุ้นตัวอื่นๆที่กองทุนถืออยู่นั้นเป็นหุ้นที่ราคามีการปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น จึงผลตอบแทนที่ได้รับจากหุ้นตัวอื่นจึงสามารถชดเชยในส่วนที่ได้รับจากหุ้น ปตท ได้หมด นอกจากนี้ผลกระทบของราคาหุ้น ปตท ที่ลดลงนั้น ในส่วนนี้ ทางกระทรวงการคลังจะเป็นผู้แบกรับภาระทั้งหมด ขณะที่ผู้ถือหน่วยรายย่อย ก็จะได้รับประโยชน์จากการที่ราคาหุ้นตัวอื่นปรับขึ้น ดังนั้น ผู้ถือหน่วยรายย่อยจึงสบายใจได้ว่า ปัญหามาบตาพุด จะไม่กระทบผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยจะได้รับแน่นอน"พิชิตกล่าว

 

พิชิต กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีปัญหามาบตาพุด ผู้จัดการกองทุนเองประเมินแล้วว่าได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ในขณะเดียวกัน ราคาหุ้นเองก็สะท้อนข่าวไปหมดแล้วเช่นกัน โดยตอนนี้รอแค่โรงงานที่ถูกระงับนั้น กลับมาเปิดใช้งานหรือเดินหน้าลงทุนต่อเท่านั้น ซึ่งหลังจากนั้นเราก็เชื่อว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นตามไปด้วย และเรามองว่าท้ายที่สุดแล้วปัญหาดังกล่าวจะได้รับการแก้ไขและหาทางออกได้โดยดี แต่อาจจะต้องใช้เวลาเท่านั้น และผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ก็ไม่มากอย่างที่หลายฝ่ายวิตกกังวลด้วย

ขณะที่ เจิดพันธุ์ นิธยาน  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านจัดการลงทุน บลจ. บีที บอกอีกว่า ปัญหากรณีมาบตาพุด ทำให้กองทุนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากกับการลงทุนในตลาดหุ้น จึงส่งผลให้บริษัทต้องมีการปรับเปลี่ยนหุ้นในพอร์ตการลงทุนไปบ้าง จากที่เมื่อก่อนที่เราเคยลงทุนในหุ้นกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ก็หันมาลงทุนในบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) แทน เพื่อให้กองทุนมอบผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน

ด้านภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นขณะนี้ เราจะเห็นได้ว่าตลาดหุ้น ได้มีการปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงโดยเป็นการปรับตัวเพื่อรองรับความคาดหวังจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากรัฐบาลที่กำลังออกมาตรการต่างๆมากระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ และจากที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า ตลาดหุ้นเองมีการปรับขึ้นแล้วกว่า 50% แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนในขณะนี้ยังคงต้องมองการลงทุนในระยะยาว เพราะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าระยะสั้น อีกทั้งการลงทุนในช่วงนี้ นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังกับความผันผวนที่เกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ

 ถึงแม้ว่าหุ้นในกลุ่มปตท.จะปรับตัวลดลงไปบ้าง แต่นักลงทุนคงไม่ลืมว่าพอร์ตการลงทุนในกองทุนหุ้นส่วนใหญ่นั้น ไม่ได้มีเฉพาะหุ้นกลุ่มปตท.เพียงอย่างเดียว โดยพอร์ตการลงทุนของแต่ละที่นั้น จะแตกต่างกันในเรื่องของสัดส่วนการให้น้ำหนักการลงทุน เพราะกองทุนหุ้นของแต่ละที่นั้นมีนโยบาย รวมไปถึงการบริหารที่แตกต่างกันเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่กองทุนที่ตนเองบริหารอยู่ รวมไปถึงนักลงทุนที่ให้ความไว้วางใจเอาเงินเข้ามาให้บลจ.บริหารเงินให้
กำลังโหลดความคิดเห็น